นี่คือ 2 ผลิตภัณฑ์แต่งผมชายสุดฮิตแห่งยุค แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่า ผลิตภัณฑ์ทั้ง2ต่างกันอย่างไร, อันไหนดีกว่า แล้วเราหล่ะควรใช้ผลิตภัณฑ์ตัวไหน? ทีมงานทัฟแอนด์ทัมเบิล ขออาสาจับเอาทั้ง2 ผลิตภัณฑ์มาชำแหละ ทั้งข้อดีข้อเสีย ประชันกันบนเวที ในกติกามวยสากล 5ยก มาดูซิว่าใครจะอยู่ใครจะไป เอ้าเสียงระฆังมา แป๊ง!!
ยกแรก: ความทันสมัย
โพเมดเป็นผลิตภัณฑ์ยุคโบราณ รุ่นคุณพ่อเรียกกันว่า น้ำมันใส่ผม ขณะที่แว๊กซ์เป็นผลิตภัณฑ์ยุคโมเดิน เมื่อก่อนทำด้วยขี้ผึ้งแท้ (Beeswax) ซึ่งล้างออกยากขิงๆ ตอนนี้ผสมสารอื่นทำให้ ล้างออกง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก..
ยกแรกหักปากกาเซียน ทั้งที่แว๊กซ์ซึ่งถือกำเนิดทีหลัง แต่วันนี้เทรนด์วินเทจมาแรงเหลือเกิน โดยเฉพาะหลังจากปี 2010 ที่ซีรี่ย์เรื่องดัง Mad Men ออกอากาศ ภาพยนต์ที่ย้อนยุคไปสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่2 โชว์ความเท่แบบคลาสสิคของหนุ่มโฆษณานิวยอร์ค ทำผมเนี๊ยบเรียบแปล้ ..ผู้ชายค่อนโลก จึงหันมาทำผมวินเทจอีกครั้ง ยกนี้เป็นของโพเมด ไปแบบไม่ยากเย็น
ยก 2: พลังยึดเกาะ
ยกนี้ขับเคี่ยวกันสูสีเพราะ ทั้งคู่นั้นทำได้ดีในแบบของตัวเอง แว๊กซ์ เป็น Texturizing Product (ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มวอลุ่ม, ความยุ่งให้เส้นผม) โพเมด เป็น Slicking Product (ผลิตภัณฑ์ที่สร้างความเรียบร้อย, เรียบอย่างมีทิศทางให้ทรงผม)
แว็กซ์ มีประสิทธิภาพในพลังยึดเกาะสูงกว่าโพเมด จึงเหมาะกับการทำผมแบบตั้งๆ (Spike) ผมจะโดยรวมจะดูยุ่งๆ ไม่เป็นธรรมชาติ คุณสมบัติ ด้านมากกว่า ..ขณะที่โพเมด มีพลังการยึดเกาะน้อยกว่า แต่สามารถคงรูปทรงผมได้ยาวนานมาก ว่ากันว่าใช้โพเมด ไม่สระผม หวีไปมายังอยู่ทรงหล่อแบบเดิมได้ 3วัน (แต่เราไม่สนับสนุนให้ทำเท่าไหร่นะ)
เพราะทั้ง2 ผลิตภัณฑ์มีดีกันคนละแบบ ยกนี้ให้เสมอ แบบกินกันไม่ลง..
ยก 3: ราคา
ในประเทศไทย ราคาโพเมด แพงกว่าแว๊กซ์ ชัดเจน เพราะส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้าจากอเมริกา.. แว๊กซ์ผลิตที่ไทย และเอเชียเป็นส่วนใหญ่เลยถูกกว่า และไม่เสียค่านำเข้า.. ยกนี้แว๊กซ์ชนะที่ราคา ไปแบบไม่ต้องลุ้น..
ยก 4: การจัดทรง+ความยืดหยุ่น
แว๊กซ์ เหมือนกาวตาช้าง ผมที่เซตด้วยแว๊กซ์จะไม่สามารถขยับไปไหนได้อีก ลมปลิว โดนน้ำเสียทรง คุณจะต้องใช้มือรีบตบให้กลับเป็นเหมือนเดิม หากบังคับจัดทรงใหม่หมด จะได้ทรงผมที่ยุ่งเหยิงกว่าเดิม
โพเมด เหมือนกาวซิลิโคน คือยึดเกาะได้แล้วยังสามารถยืดหยุ่นได้นิดหน่อย เดินๆระหว่างวัน เกิดอยากเซตผมใหม่ ก็ยังสามารถหวีไปทางนู้นนี้ ได้ตามสบาย.. บางรุ่นต้องอาศัยน้ำพรมนิดหน่อย ก็หวีได้เลย นอกจากนี้การใช้โพเมดเซตผม เก็บผมได้ดีดีกว่าแว๊กซ์ โดนเฉพาะพวกลูกผม ..ผมเส้นเล็กๆ สั้นๆ มักจะเด้งออกนอกแถว เมื่อใช้แว๊กซ์เซ็ต ทรงSlicked Back เมื่อมองในกระจกดีๆ คุณจะเห็นไรผมจำนวนมากเด้งออกนอกไลน์ที่คุณหวีไว้
ยกนี้โพเมดเป็นฝ่ายชนะในแง่ของ ประโยชน์ในด้าน Restylable จัดทรงไปมาระหว่างวันได้.. คิดภาพคุณต้องใส่หมวกกันน๊อคเดินทางระหว่างวัน ถอดแล้วยังสามารถหวีแต่งผมให้กลับไปอย่างเดิมได้.. ถ้าเป็นแว็กซ์ล่ะ เหนื่อยคับ
ยก 5: สไตล์
สไตล์การทำผมจะบ่งบอกว่า คุณควรใช้ผลิตภัณฑ์ไหน.. ด้านซ้ายคือผมที่แต่งด้วยโพเมด ด้านขวาผมเซตจากแว๊กซ์
คุณเลือกรูปขวา --> คุณเป็นชายสายแว็กซ์ เน้นเซตตั้งสูงๆ ทำผมยุ่งๆให้มีวอลุ่มไว้ก่อน มีเอาผมลงมาปิดหน้าบ้าง เหมือนอำพรางหน้าผากยังงัยอย่างงั้น ..หนุ่มเอเชียส่วนมากเป็นสายนี้
คุณเลือกรูปซ้าย --> คุณเป็นสายโพเมด เน้นเซตผมคุณให้เรียบเท่ย้อนยุค ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับ การทำผมเรียบลู่ (Slicked-Back), กระบังหวีขึ้น (Quiff), ทรงผมคลาสสิค Pompadour เหมือน David Beckham ที่พิเศษกว่าเจล และแว๊กซ์ คือโพเมดไม่แข็งในอากาศ ทำให้ผมไม่ชี้เด่ หนุ่มอเมริกาส่วนมาก เป็นสายโพเมด คือผมด้านข้างสั้น โชว์โครงหน้าหล่อ แสดงถึงความมั่นใจ และบุคคลิกภาพแบบเป๊ะเว่อร์ (Well-organized)
เนื่องจากสไตล์เป็นความชอบส่วนบุคคล ตัดสินกันไม่ได้ ยกสุดท้ายทีมงานให้เสมอกันไปอีกข้อ
สรุปคะแนน 5 ยก
รวมคะแนนทั้ง5ยก โพเมดชนะแว๊กซ์ ด้วยคะแนนเอกฉันท์ 5-2 คะแนน
ฝ่ายที่คุณเชียร์ชนะรึปล่าว ไม่เป็นไร อยากทำทรงไหน สายแว๊กซ์ หรือ โพเมดทำเลยครับ
เอาให้เหมาะกับเรา แล้วชนะใจเค้า ก็พอ!!!