การกลับมาของทรงมัลเล็ตยุค 2021

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าทรงผมที่กำลังมาแรงสุดๆในปีนี้คือ ทรงที่วนกลับมาจากยุค 80s - 90s นั่นก็คือทรงมัลเล็ต หรือรากไทร ที่เคยฮิตมากในไทยอยู่ช่วงหนึ่ง แต่การกลับมาครั้งนี้ เป็นการกลับมาแบบไม่มีเพศสภาพ เพราะไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง หรือไม่จำกัดอยู่ในเพศไหนก็สามารถตัดได้หมด มันกลายเป็นทรงที่บูมมากในช่วงกักตัว.. ประชุมผ่านซูม อาจจะด้วยผมด้านบนที่สั้น ให้ลุคเป็นทางการ.. แต่คงความสนุกไว้ด้วยผมด้านหลังที่ปล่อยยาวแบบสายปาร์ตี้ ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้และรู้สึกสนใจ บอกเลยว่าการตัดทรงมัลเล็ตไม่ได้มีแค่แบบเดียวเท่านั้น แต่ยังมีช้อยส์อีกเพียบ มาดูกันว่ามีแบบไหนบ้าง

• มัลเล็ตหยิก (Curly Mullet)

ใครที่มีผมหยิกเส้นใหญ่บอกเลยยิ่งเหมาะ การตัดแบบนี้จะต้องตัดให้สั้นขึ้นมาหน่อยเพื่อเพิ่มความเนี้ยบ แล้วค่อยลอนผมด้านหลังให้หยิกเข้าที่ เหมาะสำหรับคนที่ผมไม่เป็นทรง แต่อยากให้ดูเรียบร้อย

• มัลเล็ตตั้ง (Spiky Mullet)

ไม่ต้องอาศัยการตัดแต่ต้องอาศัยการเซต เป็นมัลเล็ตที่ดูคล้ายกับทรงโมฮอกที่สุด เน้นเซตผมด้วยโพเมดตั้งๆชี้ๆ แบบ Edgy สไตล์

• มัลเล็ตตรง (Straight Mullet)

เหมือนการตัดทรงมัลเล็ตทั่วไป แต่ปล่อยให้ผมตรงยาวไปด้านหลังมากขึ้น ไถข้างไล่ระดับหน่อยๆให้พอมีความเฟด แค่นี้ก็ปังแบบร็อคๆเฟี้ยวๆ

• มัลเล็ตเฟด (Mullet Fade)

อัพเกรดเป็นมัลเล็ตเวอร์ชั่น 2021 ด้วยการไถข้างแบบจัดหนัก เลือกความเฟดได้ตามใจชอบ ตั้งแต่ เฟดต่ำ เฟดปานกลาง ไปจนถึงเฟดสูง เป็นสไตล์ที่ไม่เนี้ยบแต่ใครตัดก็สะดุดตา

• ช็อปปี้มัลเล็ต (Choppy Mullet)

เป็นการสับผมให้เป็นขั้นๆแบบมีเลเยอร์ พร้อมสไลซ์ข้าง-หลังให้ดูเป็นคลื่น เซตผมด้านบนให้ตั้งขึ้น มีทิศทางไปด้านหน้า

• สลิคแบคมัลเล็ต (Slicked Back Mullet)

ตัดผมด้านบนให้ยาวกว่าปกติ จากนั้นเซตเสยไปด้านหลังด้วยโพเมดหรือแว็กซ์ให้อยู่ทรง ปล่อยปลายผมตามธรรมชาติ

• ปอมปาดัวมัลเล็ต (Pompadour Mullet)

คล้ายกับทรงสลิคแบคแต่ต้องไดร์เพิ่มวอลลุ่มให้กะบังผมสูงก่อนเซต จากนั้นปาดลู่ไปด้านหลัง เน้นให้ผมพอง ไม่เรียบไปกับหัว

• มัลเล็ตหางยาว (Long Tail Mullet)

เป็นทรงที่เหมาะกับคนผมยาวเกิน 20 cm เท่านั้น โดยตัดด้านบนให้สั้นเหมือนทรงมัลเล็ตทั่วไป แต่ปล่อยด้านหลังให้ยาวไปจนเกือบถึงกลางหลัง เป็นการผสมผสานกันระหว่างทรงมัลเล็ตและทรงแรทเทล ใครตัดสินใจไม่ได้ว่าจะตัดทรงไหน จัดทรงนี้เลย

• แฟลตท็อปมัลเล็ต (Flat Top Mullet)

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าทรงมัลเล็ตสามารถตัดคู่กับทรงอื่นได้ด้วย เช่น ทรงแฟลตท็อป เป็นการไถผมด้านบนให้เรียบเท่ากันอย่างเห็นได้ชัด แต่ปล่อยด้านหลังให้ยาวปิดท้ายทอย

• บัซคัทมัลเล็ต (Buzz Cut Mullet)

มัลเล็ตแบบตัดสั้นมีอยู่จริง ไม่อิงนิยาย! ใครแฟนทรงบัซคัทต้องตัดตามนี้เลย ไถผมด้านบนให้สั้น พร้อมตัดม้าเต่อ แล้วค่อยสไลซ์ด้านหลังไล่ระดับไปถึงกลางท้ายทอย

• ควิฟมัลเล็ต (Quiff Mullet)

สายเซตผมตั้งต้องถูกใจสิ่งนี้ กับทรงควิฟมัลเล็ต ที่เซตด้วยการเสยผมขึ้นไปด้านบนให้ปลายแหลมด้วยการใช้โพเมด ให้ความยาวผมอยู่ที่ 2-4 cm ส่วนด้านหลังปล่อยผมสบายๆ ใช้มื้อขยี้ให้เข้าทรงก็พอ

ไม่น่าเชื่อใช่มั้ยว่าทรงเดียวจะแตกแขนงได้อีกเป็น 10 ทรง.. หวังว่าใครที่กำลังสนใจทรงนี้อยู่ จะได้ไอเดียใหม่ๆไว้ไปตัดตาม ของเค้ามาแรงจริง ใครไม่อยากตกเทรนด์ให้รีบไปตัด รับรอง ไม่มีเอาท์!

---

Tough & Tumble

Written by: Nat Saranya

Source: Men’sHealth, MENSHAIRcuts

---

8 ต้นตอผมหยิกชี้ฟู!

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า.. ผมหยิกชี้ฟูไม่ใช่เรื่องแย่หรือเรื่องดีดี เพราะผู้ชายบางคนก็เอนจอยกับการมีผมหยิกๆดูมีเท็กซ์เจอร์ ในขณะที่บางคนพยายามยืดให้ตรงเพื่อความเป็นระเบียบ วันนี้เราจะพามาสำรวจกันว่า.. สาเหตุหลักๆที่ทำให้ผมหยิกเด้งคืออะไร แล้วจะจัดการยังไงถ้ารู้สึกไม่ชอบ

1.พันธุกรรม

สาเหตุหลักๆเลยของผมหยิกชี้ฟู คือ ยีนที่ส่งต่อทางพันธุ์กรรม รุ่นต่อรุ่น ถ้าคุณมีพ่อหรือปู่ที่มีผมหยิกอยู่แล้ว ก็พนันได้เลยว่าคุณต้องพึ่งการยืดและสารเคมี หากอยากมีผมตรง

2.ความชื้น

ไม่ว่าจะเป็นผมบนหัวหรือบนหน้า ความชื้นในอากาศก็เป็นที่รู้กันว่าจะทำให้ผมชี้ฟู ไม่เป็นทรง นั่นเพราะมันทำปฏิกิริยากับโมเลกุลบนเส้นผมในอากาศ ซึ่งสามารถอธิบายในแง่ของวิทยาศาสตร์ได้ แต่ค่อนข้างที่จะซับซ้อนอยู่พอตัว

3.การใช้ความร้อน

ผู้ชายบางคนอาจเคยหาวิธีทำให้ผมตรงเรียงตัวสวยด้วยการยืด แต่รู้หรือไม่.. ว่าการทำแบบนั้นจะยิ่งทำให้เส้นผมเปราะบางง่ายต่อการชี้ฟูมากขึ้นไปอีก นี่คือสิ่งผิดๆที่คุณควรหยุดทำ

• ไดร์ร้อน: การเป่าด้วยความร้อนสูงจนเกินไป จะทำให้ผมแห้งเสีย แตกปลาย ควรปรับเป็นลมเย็นเวลาเป่าจะดีกว่า

• ยืดตรง: การใช้ที่หนีบผมไฟฟ้ายืดผมนั้น ไม่ควรใช้ตอนผมเปียก เพราะจะทำให้สูญเสียความชุ่มชื้นในเส้นผม ควรยืดตอนผมแห้งสนิทเท่านั้น โดยปรับอุณหภูมิให้อยู่ในระดับที่พอดี ไม่ร้อนจนเกินไป

4.สระผมบ่อยๆ

การสระผมบ่อยจนเกินไป จะทำให้ผมสูญเสียน้ำมันที่มีไว้เพื่อรักษาสมดุล และทำให้ผมดูเงางาม ควรสระวันเว้นวัน หรือ2-3ครั้งก็เพียงพอ โดยใช้แชมพูที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ไม่มีสารซัลเฟต เพราะจะช่วยให้กำจัดสิ่งสกปรกจากมลภาวะได้โดยไม่ทำร้ายหนังศีรษะและเส้นผม

5.อาบน้ำร้อน

หนังศีรษะคนเรามีรูขุมขนอยู่มากมาย การอาบน้ำร้อนจนเกินไปจะทำให้สูญเสียความชุ่มชื้นใต้ผิวหนัง เกิดหนังกำพร้า เหมาะมากกับการเกิดผมชี้ฟู เปราะบาง ควรอาบด้วยน้ำอุ่นๆก็เพียงพอ

6.เช็ดแรงเกิน

การเช็ดผมแรงๆด้วยผ้าขนหนู เป็นการทำร้ายเส้นผมทางอ้อม ควรซับเบาๆหรือใครผมสั้นมากก็ปล่อยให้แห้งเองตามธรรมชาติจะดีกว่า

7.ติดจับผม

ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ชายหลายคนติดเสยผม หรือจับผมตัวเองเล่น โดยเฉพาะเวลานึกถึงปัญหาต่างๆในชีวิต แต่การจับผมบ่อยจนเกินไป จะทำให้มันชี้ฟูเป็นหย่อมๆ โดยเฉพาะบริเวณที่คุณชอบจับ เพราะฉะนั้นพยายามหักห้ามใจ อย่าจับเล่นมากเกินไป.. ถ้าไม่อยากให้มันหยิกชี้ฟู

8.ย้อมผม

การย้อมผมเรียกอีกอย่างว่าการอาบน้ำด้วยสารเคมี และสารรุนแรงเหล่านี้จะทำให้เส้นผมของคุณแห้งเสียถาวร แต่ถ้าเผลอทำไปแล้ว.. ก็พอมีทางแก้อยู่บ้าง โดยการใช้แชมพูและทรีตเมนต์สำหรับผมแห้งเสียจากการทำสีดู เพื่อบำรุงและเติมความชุ่มชื่นใต้ผิวหนัง อาจจะช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อย

จบไปแล้วกับ 8 ต้นตอผมหยิกชี้ฟู หวังว่าจะได้ไอเดียและวิธีจัดการกันไปบ้างพอสมควร หากคุณรู้สึกว่าการที่มีผมชี้ฟูมันเป็นปัญหากวนใจ ก็ลองเอาวิธีที่ได้ไปทำตามกัน หรือ ใครใจร้อน ก็จัดการโกนสกินเฮดแล้วรอให้ขึ้นใหม่เลยดีกว่า อย่าไปเสียดาย.. ผมคนเรายาวไวกว่าที่คุณคิด!

---

Tough & Tumble

Written by: Nat Saranya

Source: TOOLS OF MEN

---

ตัดผมปังปินาศมา.. ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน มีวิธีจัดการยังไงบ้าง?!

เชื่อว่าผู้ชายทุกคนต้องเคยเจอปัญหา.. ตัดผมมาไม่ตรงปก รู้สึกอาย.. ไม่กล้าออกไปใช้ชีวิต วันนี้ทัฟแอนด์ทัมเบิลเลยจะมาบอกวิธีการรับมือกับทรงผมสุดเยิน.. จัดการยังไงได้บ้างเมื่อเกิดเหตุการณ์สุดเซ็งนี้

1.หยุดเกรงใจ บอกช่างไปตรงๆ

แน่นอนว่าคนไทยเป็นคนขี้เกรงใจมากถึงมากที่สุด แต่ถ้าเสียเงินตัดผมทั้งที ก็ต้องเอาให้ดีแบบที่ตัวเองชอบ จริงมั้ยพวก?.. เพราะฉะนั้นบอกช่างไปเถอะว่าให้แก้ตรงไหน ไม่ต้องยิ้มกลบเกลื่อนความในใจแล้วเก็บไปเครียดต่อ แต่ถ้ารู้สึกว่าช่างคนเดิมฝีมือไม่ได้ ก็ลองเปลี่ยนคนใหม่ แต่ถ้ามันแย่เกินจะเยียวยาจนเกินไป ก็เปลี่ยนร้านใหม่ หาช่างปังๆไปเลย เสียเงินเพิ่มอีกหน่อยแต่ดีกว่าต้องทนกับทรงผมพังๆแน่นอน

2.ฉีกลุคเดิม

ถ้าช่างตัดแปลกไป ไม่เหมือนทรงเดิมที่คุณไว้มานานหลายปี นั่นถือเป็นเรื่องดีมากกว่าที่ควรเครียด ถือโอกาสนี้ลองสไตล์ใหม่ๆ เปลี่ยนลุคตัวเองไปในตัว ไหนๆก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว จัดการแต่งทรงให้มันสุดไปเลย ผมคุณอาจจะดูแย่ตอนนี้แต่ไม่แน่หลังเซต อาจจะดูดีขึ้นหลายสิบเท่า ตัวช่วยที่ต้องมีก็แค่ โพเมด แว็กซ์ หรือเจลแต่งผม เอาไว้ล็อกให้มันอยู่ทรงยาวนานเท่านั้น

3.ลาละสังคม ใส่หมวกเก็บทรงดีกว่า

ถ้ามันแก้ไม่ได้จริงๆ ทางออกเดียวที่มีคือการใส่หมวกซ่อนทรงผม หลบสังคมสักพักนึง รอให้ผมเริ่มยาวเข้าที่ค่อยออกไปพบปะฝูงชน ยิ่งตอนนี้ WFH ยิ่งแหล่มเลย มีเวลาไว้ผมยาว

4.พสจ๋า พี่มาแล้ว

อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนใจเด็ด คือ โกนหัวแบบสกินเฮดหรือบัซคัทแบบพสไปเลย ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครตัดออกมาแย่จนถึงขั้นต้องโกนทิ้ง แต่ถ้าคุณอยากรู้ว่าการหัวล้านก่อนอายุ 80 มันเป็นยังไง ก็ไม่มีโอกาสไหนเหมาะไปมากกว่านี้อีกแล้ว จัดเลย! แต่ฝากไว้นิดนึงว่าการไถผมก็ควรไถให้ถูกวิธี ถ้าไม่อยากมีรอยแผลบนหัว

5.รอเวลา

ผมมันยาวได้.. ไม่ช้าก็เร็ว! คุณอาจจะไม่ชอบทรงผมตัวเองในวันนี้ แต่อีก 2 อาทิตย์มันจะดีขึ้นและดีขึ้นเรื่อยๆหลังจากนั้น จนกระทั่งกลายเป็นทรงที่คุณชอบ ทำใจให้สบาย หยิบแก้ววิสกี้มากระดกรอเวลา อีกไม่นานก็จะได้ทรงเดิมกลับคืนมา ทรงผมแย่ๆมันไม่อยู่กับคุณตลอดไปหรอก

เอาใจช่วยผู้ชายทุกคนที่ตัดผมออกมาไม่ได้ดั่งใจ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า.. ตัดผิดชีวิตเปลี่ยนมีอยู่จริง! คราวหลังก็เลือกร้าน เลือกช่างให้ดีๆ และเลือกทรงที่เหมาะกับตัวเองด้วย ส่วนใครที่พลาด ตัดพังไปแล้ว ลองเอาเทคนิคด้านบนไปปรับใช้กันดู อาจจะช่วยฟื้นฟูระหว่างรอผมยาวได้บ้าง!

---

Tough & Tumble

Written by: Nat Saranya

Source: askmen

---

ลาทีถุงพลาสติก.. เทคโนโลยีสุดล้ำในการไต่สวนผู้ต้องหา แบบว่าไม่ต้องทรมานกัน

เมื่อโลกเริ่มอยู่ยาก โดนจับก็โดนทำร้าย..จนถึงขั้นตายด้วยถุงดำครอบหัว ถึงเวลาของการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย.. จับเท็จอย่างโปร่งใส ไม่ต้องใช้ความรุนแรง บนโลกนี้มีเทคโนโลยีอยู่มากมายที่สามารถใช้ในการสอบปากคำ เพื่อวิเคราะห์คำให้การว่าผู้ต้องสงสัยเหล่านั้นกำลังพูดจริงอยู่หรือไม่ นอกจากจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้พยานหลักฐานแล้ว ยังช่วยปิดคดีได้รวดเร็วขึ้นอีกด้วย แล้วเทคโนโลยีที่ว่ามานี้มีอะไรบ้าง.. ตามไปดูกันเลย

เครื่องจับรูม่านตา (Eye Detect)

หลายคนอาจคิดว่ามีแค่ในหนังเท่านั้น.. แต่เปล่าเลย! มันมีอยู่จริงในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยการจับเท็จที่ว่านี้.. เป็นการจับผ่านความเคลื่อนไหวของลูกตา การขยายตัวของรูม่านตา และเวลาในการตอบสนองต่อแต่ละคำถาม โดยจะให้ผู้ต้องสงสัยนั่งตอบคำถามหน้าคอมพิวเตอร์ ที่มีกล้องคอยบันทึกดวงตา ใบหน้า และความเคลื่อนไหวต่างๆอยู่ตลอดเวลา เป็นระยะเวลาประมาณ 30 - 50 นาที เพื่อสังเกตแพทเทิร์นและรีแอคชั่นต่างๆ แล้วนำมาสรุปประกอบคำให้การว่ากำลังโกหกอยู่หรือไม่

กระจกเงาหลอก (Two-way Mirror)

เป็นเทคโนโลยีที่หลายคนอาจเคยเห็นบ่อยในหนังแอคชั่น ที่มีกระจกบานใหญ่อยู่ในห้องไต่สวน และกระจกบานนั้นสามารถมองทะลุเข้าไปในห้องได้จากฝั่งตำรวจ เอาไว้เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรม ท่าทางของผู้ต้องสงสัยแบบไม่ทันระวังตัว โดยจะวิเคราะห์ตั้งแต่การหลบตา ความติดขัดเวลาพูด การเคลื่อนไหวของมือและเท้า เพราะคนเราเวลาโกหกมักจะไม่กล้าสบตา สั่นขา หรือเกาจมูกบ่อยๆ ท่าทางการแสดงออกเลยเป็นอีกหนึ่งวิธีที่หลายๆประเทศเลือกใช้ในการวิเคราะห์คำให้การ

เครื่องอ่านการเน้นเสียง (Voice Stress Analysis)

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ.. ว่าเทคโนโลยีจับโกหกสมัยนี้ล้ำหน้าไปมากกกก การจับเท็จผ่านน้ำเสียงก็มีแล้วล่าสุด มันคือ การวิเคราะห์ระดับสูง-ต่ำ และความถี่ของเสียง อาจฟังดูเป็นเรื่องซับซ้อน ไกลตัว ให้คุณลองจินตนาการง่ายๆว่า เวลาคุณถามคำถามใครสักคน แล้วเค้าคนนั้นตอบกลับด้วยน้ำเสียงสูงผิดปกติ นั่นก็คือการจับผิดผ่านเสียงอย่างหนึ่งแล้ว แต่เทคโนโลยีในการไต่สวนนั้นซับซ้อนกว่ามาก และยังสามารถตรวจสอบคลื่นความถี่ผ่านการคุยโทรศัพท์เฉยๆได้อีกด้วย นี่เลยทำให้มันกลายเป็นเทคโนโลยีที่ฮอตมากในวงการธนาคารและบริษัทประกัน

เครื่องวัดชีพจร (Polygraph)

ภายนอกอาจจะโกหกได้ แต่ภายในพูดเลยว่า.. ยาก! เพราะคนปกติทั่วไปหัวใจจะเต้นเร็วขึ้นถ้าโกหกหรือรู้สึกตื่นเต้น ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายคนไม่สามารถควบคุมได้ เลยทำให้เทคโนโลยีนี้ถูกใช้ในการหาข้อเท็จจริง โดยจะวัดตั้งแต่ความดัน ชีพจร ไปจนถึงอัตราการหายใจ โดยใส่เครื่องวัดไว้ที่แขน นิ้ว และหน้าอกตลอดการสอบสวน

เครื่องวัดคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG)

เทคโนโลยีสุดล้ำนี้ไม่ได้มีแค่ใน เอ็กซ์ เมน.. แต่ในชีวิตจริงมันเป็นการตรวจการทำงานของเซลล์ประสาทสมองโดยดูจากการเปลี่ยนแปลงทางไฟฟ้า โดยผู้ต้องสงสัยจะถูกแปะเครื่องวัดไว้บนหนังศีรษะระหว่างการไต่สวน.. เครื่องจะไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดใดๆ และจะให้ผู้ต้องสงสัยเล่าเรื่องราว ข้อมูลที่รู้ทั้งหมดเกี่ยวกับคดี รวมทั้งตอบคำถาม และดูรูปภาพจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย เพื่อสังเกตความเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าจากรีแอคชั่น เพื่อนำมาสรุปข้อเท็จจริงต่อไป แต่ความน่าเชื่อถือของเทคโนโลยีนี้ยังถือว่าต่ำมาก.. เนื่องจากมีงานวิจัยรองรับค่อนข้างน้อย

อหหห... เพียบเลยจริงมั้ยกับเทคโนโลยีล้ำๆในการสืบสวนสอบสวน.. ต่างประเทศเค้าใช้กัน ควรต้องถึงเวลาของไทยแลนด์! หันมาใช้วิธีที่ปลอดภัย.. และมีความเป็นลูกผู้ชายมากกว่ากันเถอะ.. เพราะทัฟแอนด์ทัมเบิล STAND FOR MEN THAT DO THE RIGHT THING!

---

Tough & Tumble

Written by: Nat Saranya

Source: Policing Project, Wikipedia

---

บอกรักแม่ยังไง.. ตามสไตล์ลูกผู้ชายไม่ให้เขิน

และแล้ววันแม่ปีนี้ก็วนกลับมาอีกครั้ง.. หลายคนอาจไม่ได้กลับบ้านเพราะสถานการณ์โควิด แต่ถึงอย่างงั้นก็อย่าเพิ่งกดออกไป ยังมีอีกหลายโอกาสที่คุณสามารถทำให้ท่านรู้ว่ารักได้ อย่างที่มีคนเคยบอกไว้ว่า.. "เราบอกรักแม่ได้ทุกวัน ไม่จำเป็นต้องรอโอกาสพิเศษ" วันนี้ ทัฟแอนด์ทัมเบิล เลยรวบรวมวิธีสื่อความรักสไตล์ลูกผู้ชาย สำหรับคนที่เขินอาย ไม่รู้ต้องทำยังไงดี มาไว้ให้ทำกัน หวังว่าวิธีเหล่านี้จะช่วยลดความเคอะเขินลงได้บ้างไม่มากก็น้อย

เทคแคร์เก่ง

นัดเพื่อน หรือนัดสาวมัน มันนัดกันได้ทุกเมื่อ เพราะงั้นหันมาใส่ใจคนในครอบครัวก่อนสักนิดก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร ถ้าคุณเป็นคนที่อยู่กับแม่หรือสามารถเดินทางไป-กลับบ้านได้บ่อย ๆ การคอยแวะไปดูแลท่านบ้าง ก็เป็นอีกอย่างที่ทำให้คนเป็นแม่อุ่นใจ ไม่ว่างานจะยุ่งแค่ไหนก็อย่าลืมสละเวลาไปให้ท่านบ้างล่ะ จะได้ไม่มาเสียใจทีหลังเวลาที่ท่านไม่อยู่แล้ว

ไลน์บ่อยๆเอาให้เบื่อ

แน่นอนว่าคุณไม่ได้ตัวติดกับแม่ 24 ชม. การโทรไปหาท่านบ้าง ก็เป็นอีกทางที่ทำให้ท่านสบายใจ หากคุณเป็นคนที่อยู่บ้านเดียวกับแม่ ก็อาจจะโทรไปหลังเลิกงานเพื่อบอกให้รู้ว่าคุณกำลังกลับบ้าน ไม่ต้องเป็นห่วง หรือหากว่าคุณย้ายออกมาแล้ว การแชทไปชวนคุยเรื่องเล็กๆน้อยๆ อัพเดตชีวิตให้แม่ฟังบ้าง ก็พอที่จะทำให้ท่านอุ่นใจขึ้นมาหน่อย..ว่าคุณยังสบายดี ยังคิดถึงท่านอยู่ ไม่ต้องกลัวว่าท่านจะรำคาญเพราะแม่ทุกคนชอบอยู่แล้วเวลาลูกแชทหาบ่อยๆ

อัพเวลเทคโนโลยีให้แม่

ยุคดิจิตอล 4.0 เทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่าคนรุ่นแม่คงตามไม่ทัน และบางครั้งก็รู้สึกเกรงใจที่จะถามคุณบ่อยๆ เพราะฉะนั้นการที่คุณคอยสอนท่านอย่างใจเย็น เช่น การสอนใช้ไอแพด หรือใช้อุปกรณ์ไอที ก็เป็นการทำให้ท่านรู้ว่าสามารถหันหน้าหาคุณได้เวลามีปัญหาอะไรสักอย่าง

เลิกตีกับแม่

ช่วงนี้โดนขังอยู่แต่บ้านด้วยการเวิร์คฟอร์มโฮม (WFH) ก็อาจจะมีกระทบกระทั่งกับแม่บ้างพออยู่ด้วยกันนานๆ แต่คุณต้องข่มใจไว้ การบอกรักแม่ที่ดีที่สุดคือ การรักษาน้ำใจของท่านด้วยการเลือกใช้แต่คำพูดดีๆ บางทีโตขึ้นอาจจะเผลอลืมตัวกันไปบ้าง คุณก็แค่ต้องระวังคำพูดให้มากขึ้น แค่นี้แม่ก็เรียกได้ว่าเป็นลูกที่ดีแล้ว

เปย์เป็นพวง

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ถ้าคำว่ารักมันพูดยาก ก็ซื้อพวงมาลัยเปย์แม่แทนไปเลย แต่ถ้าพวงมาลัยธรรมดามันเอาท์เกินไป ลองเปลี่ยนมาให้พวงมาลัยแซลมอนดู นอกจากจะได้ความซึ้งแล้วยังได้อิ่มท้องอีกต่างหาก แถมยังช่วยซัพพอร์ตคนที่ทำมาค้าขายในช่วงโควิดอีกด้วย จ่ายครั้งเดียวได้ถึง 2 ต่อ

ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้ ก็ถือว่าคุณได้พยายามทำอะไรเพื่อแม่ไปแล้วอย่างน้อยหนึ่งอย่าง ด้วยการเริ่มหันมาใส่ใจวิธีที่จะทำให้ท่านยิ้มได้มากขึ้น ต่อไปก็เหลือแค่การลงมือทำ เก็บความตั้งใจนี้ไว้แล้วเอาวิธีที่ได้วันนี้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันดู อย่าลืมว่า “เราบอกรักแม่ได้ทุกวัน ไม่จำเป็นต้องรอโอกาสพิเศษ" นะโบรว์!

---

Tough & Tumble

Written by: Nat Saranya

---

ทิ้งทวนกันหน่อย.. ส่องทรงผมชายสุดปัง ในกีฬาโอลิมปิก 2020

บรรยากาศการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค 2020 ที่โตเกียวกำลังดุเดือดมากในตอนนี้ เชื่อว่าหลายคนคงกำลังเชียร์พร้อมเอาใจช่วยนักกีฬาที่ตัวเองชื่นชอบกันอยู่ ทัฟแอนด์ทัมเบิลก็เหมือนกัน แต่ไม่เพียงแค่เชียร์กีฬาเท่านั้น เพราะเรายังแอบส่องทรงผมฮอต ๆ ของเหล่านักกีฬาแต่ละประเทศด้วยมาให้ดูกันอีกด้วย ถ้าอยากรู้ว่ามีทรงผมของใครน่าสนใจบ้าง ก็ตามไปดูกันได้เลยยยย!

1.อันเดอร์คัต

ไดยา เซโตะ (Daiya Seto)

เริ่มที่ฝั่งเอเชียกันก่อน จะไม่พูดถึงคนนี้คงไม่ได้ เพราะมีกระแสมาตั้งแต่โอลิมปิคปี 2018 กับนักกีฬาว่ายน้ำชายทีมชาติญี่ปุ่น ที่มีหน้าตาและความสามารถอันโดดเด่น คว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2018 มาไว้ได้ ถึงแม้ว่าโอลิมปิคปีนี้เค้าจะไม่ชนะแต่เชื่อว่าคงได้ใจสาว ๆ ไปเต็มๆกับทรงผม "อันเดอร์คัต" ของเค้า ที่ตัดสั้นเน้นไถข้างแบบรองหวี และซอยไล่ระดับมาด้านหน้า ให้ความยาวหน้าม้าอยู่กึ่งกลางหน้าผาก แค่นี้ก็หล่อกระชากใจสาวๆแล้ว

2.คอมม่า

เอดดี้ หวัง (Eddie Wang)

ยังคงอยู่ที่นักกีฬาว่ายน้ำจากฝั่งเอเชีย เขยิบเข้ามาใกล้อีกหน่อยกับประเทศใต้หวัน ที่มาพร้อมกับทรงผมยอดฮิตที่กำลังมาแรงสุดๆในตอนนี้ "ทรงคอมม่า" จากประเทศเกาหลี ที่ม้วนผมหน้าม้าให้งุ้มเข้ามา แล้วเซตด้วยแวกซ์แหวกเปิดหน้าผากเล็กน้อย บอกเลยใครอยากละมุนต้องจัดทรงนี้

3.ครูว์คัต

ราย แมคคลานาแกน (Rhys McClenaghan)

ย้ายมาที่ฝั่งยุโรปกันบ้าง กับนักยิมนาสติกทีมชาติไอร์แลนด์ที่มาในลุคเด็กหนุ่มผมสั้นกับทรง "ครูว์คัต" เป็นทรงที่เน้นตัดด้านข้างให้สั้นสุด ไถไล่ไปถึงหนังหัว ส่วนด้านบนใช้แบตตาเลี่ยนไถให้ได้ความยาวตามที่ชอบ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 1"-2" โดยประมาณ

4.มัลเล็ต หรือ รากไทร

คาเมรอน สมิธ (Cameron Smith)

มาถึงทรงผมที่เรียกรอยยิ้มให้กับผู้คนที่พบเห็นได้มากที่สุดกันบ้าง กับ "ทรงมัลเล็ต" หรือรากไทร ของนักกอล์ฟชาวออสเตรเลีย ที่ต้องการสื่อถึงความภูมิใจของเขาที่ได้รับเลือกเป็นตัวแทนประเทศในการแข่งขันกีฬาครั้งนี้ โดยการไถผมด้านข้างเป็นคำว่า AUS ซึ่งก็คืออักษรย่อของประเทศออสเตรเลียนั่นเอง ผมทรงนี้ทำให้ครอบครัวของเขาและผู้ที่ผ่านมาเห็นบนโซเชียลต่างพากันยิ้มและชื่นชม เพราะสัมผัสได้ถึงความทุ่มเทและภาคภูมิใจที่คาเมรอน สมิธมี

5.ลูกศรฟ้า

ไครัน แบดโล (Kiran Badloe)

ถ้าพูดถึงเรื่องทรงผมก็คงจะพลาดคนนี้ไปไม่ได้ในปีนี้ กับนักวินด์เซิร์ฟทีมชาติเนเธอแลนด์ ที่มาพร้อมทรงสุดแหวกคาดไม่ถึง กับ "ทรงลูกศรสีฟ้า" ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากตัวการ์ตูนเรื่องมหาศึก 4 ธาตุ จอมราชันย์ (The Last Air Bender) ผู้ควบคุมลม โดยไครันได้บอกไว้ว่า "หวังว่าจิตวิญญาณของตัวละครตัวนี้จะช่วยให้เขาร่องเรือและควบคุมลมได้อย่างดีในการแข่งขัน และเขาก็ฝันว่าสักวันเขาจะเป็นมาสเตอร์ด้านการควบคุมลมเหมือนกัน"

6.เดทร็อค

เจรามี่ แกรนท์ (Jerami Grant)

แน่นอนว่ามีทรงเบสิคไปแล้วก็ต้องมีทรงฮิปๆ นี่เลย! "ทรงเดทร็อค" ของนักบาสเกตบอลทีมชาติอเมริกา กับการตัดสั้นไล่ระดับพร้อมถักเดทร็อคทั้งหัว แถมยังเพิ่มลูกเล่นเข้าไปอีกด้วยการใส่เฮดแบนด์ตลอดการแข่งขัน ทำให้ผมกับแฟชั่นของเขาเข้ากันสุดๆ ใครอยากชิคก็ลองดูสักตั้ง! รับรองว่าตัดแล้วจะไม่เสียใจ

หนำใจมั้ยกับทรงผมของเหล่านักกีฬาโอลิมปิกชาย 2020 ที่เรารวบรวมมาให้จากแทบทั่วทุกทวีป มีทั้งทรงปัง ๆ และทรงฮา ๆ ถ้าใครคิดว่าเหล่านี้เป็นไอเดียที่ดี ก็อย่ารอช้า แคปไปตัดตามกันเลยยย.. ได้ลุคหนุ่มนักกีฬาสายสปอร์ต!

---

Tough & Tumble

Written by: Nat Saranya

---

ฮาว-ทู-สตรอง ..สตรองยังงัยในยุคโควิด!

เชื่อว่าผู้อ่านหลายท่านก็คงนอย, เพลีย กับสถานการณ์โควิดบ้านเราเวลานี้.. หนำซ้ำตามสถิติ ชี้ว่าผู้ชายมีโอกาสป่วยหรือตายเพราะติดโควิดมากกว่าผู้หญิงถึง 2 เท่า นี่ไม่ใช่เรื่องโกหก.. มีงานวิจัยออกมายืนยันแล้วว่าสาเหตุหลัก ๆ มาจากชีวภาพในร่างกายและนิสัยที่ต่างกันของผู้ชายและผู้หญิงที่ทำให้ผู้ชายมีความเสี่ยงสูงกว่า แต่ถึงอย่างงั้น คุณก็คงเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนและพันธุกรรมของตัวเองไม่ได้ แต่สิ่งที่คุณทำได้คือการเปลี่ยนนิสัยและวิธีดูแลตัวเองให้สตรองงงง พร้อมสู้กับไวรัส!

เสพข่าวให้น้อยลง ป้องกันให้มากขึ้น

ข้อมูลเป็นสาระที่ดี เป็นเมื่อใดที่การรับรู้ข้อมูลมากเกินไป จะส่งผลให้เกิดความเครียดที่ไม่จำเป็น.. ให้คิดซะว่าทุกคนบนท้องถนน ติดโควิดหมดแล้วเรียบร้อย แล้วคุณจะป้องกันตัวเองยังไงถ้าต้องออกไปเจอกับผู้คนเหล่านี้ ก็ให้เริ่มปฏิบัติตัวแบบนั้นเลย เพราะยอดติดเชื้อพุ่งขึ้นทุกวัน.. ไม่มีลด การเสพข่าวเยอะ ๆ อาจทำให้เครียดมากไปเปล่า ๆ หันมาป้องกันตัวเองให้ดีที่สุดกันดีกว่า เป็นการแบ่งเบาภาระแพทย์ไปในตัว

---

ว่าบ่อยแล้ว.. ต้องล้างบ่อยกว่าเดิม

งานวิจัยโชว์ว่าผู้ชายทั่วโลกล้างมือไม่บ่อยเท่าผู้หญิง เช่น ในประเทศเกาหลีใต้มีแค่ 34%ของนักเรียนชายที่ล้างมือ 5 ครั้งต่อวัน ในขณะที่มีนักเรียนหญิงมีมากถึง 57% และในอเมริกา 56% ของผู้หญิงล้างมือด้วยสบู่ แต่ผู้ชายกับมีแค่ 29% ส่วนในประเทศอังกฤษผู้ชาย 1 ใน 6 คนไม่ล้างมือหลังทำธุระเสร็จ! นี่เลยเป็นสาเหตุว่าทำไมผู้ชายส่วนใหญ่ถึงติดโควิดง่ายกว่าผู้หญิง เพราะฉะนั้นล้างมือด้วยสบู่ซะ อย่างน้อย 20 วินาที หรือเท่าการร้องเพลง happy birthday 2 รอบ

---

กินแต่ของปรุงสุก

ถึงแม้ว่าตอนนี้ต้องสั่งอาหารมากินที่บ้านเท่านั้น ก็ต้องสั่งแต่อาหารที่ปรุงสุกเพื่อป้องกันเชื้อไวรัสที่อาจปนเปื้อน และไม่ควรสั่งเกินพอดี เพราะต่อให้คุณจะอยากซัพพอร์ตร้านอาหาต่าง ๆ มากแค่ไหน ก็ควรซื้อไว้แค่พอกิน เพราะร่างกายของคุณใช้พลังงานน้อยลง การกินเยอะจนเกินไปหรือกินแก้เบื่อจะทำให้คุณอ้วนและอาจมีปัญหาสุขภาพตามมาในอนาคตอันใกล้

---

พักเรื่องแอลกอฮอล์ไว้ก่อน

การดื่มแอลกอฮอล์มากจนเกินไปทำให้เสี่ยงเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และการชวนคนอื่นมาสังสรรค์ที่บ้านก็ไม่ต่างจากการเพิ่มความเสี่ยงให้ตัวเอง เพราะฉะนั้น พักก่อนถ้าไม่อยากติด!

---

หยุดเป็นสิงห์รมควัน

WHO ออกมาบอกแล้วว่าการสูบบุหรี่จะทำให้อาการทรุดหนักหากติดโควิด 19 และจากงานวิจัยของหลาย ๆ ประเทศพบว่าผู้ชายสูบบุหรี่มากกว่าผู้หญิง เช่น ในประเทศจีน 46% ของผู้ชายสูบบุหรี่ ในขณะที่ผู้หญิงมีเพียง 1% เท่านั้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น.. เชื่อว่าผู้ชายหลายคนต่างรู้ดีอยู่แล้วว่าบุหรี่ไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ถ้ามันเพิ่มความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสไปด้วยล่ะ อาจถึงเวลาอันสมควรที่จะหยุดสูบบุหรี่

---

ออกกำลังกายบ้างก็ดี

ล็อกดาวน์ครั้งนี้ก็ยังมีหลายอย่างที่เปิด เพื่อให้คุณได้ออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านบ้าง เพราะงั้นลองหากิจกรรมอะไรทำที่จะช่วยให้คุณได้ออกกำลังกายและบริหารกล้ามเนื้อสักหน่อย เช่น การออกไปตีกอล์ฟ เล่นเทนนิส หรือทำกิจกรรมกับเพื่อนสักอย่าง ที่ยังสามารถรักษาระยะห่างได้ หรือจะเปิด Youtube แล้วฟิตหุ่นอยู่บ้านก็ไม่ว่ากัน อย่างน้อย ๆ แค่คุณได้ใช้ร่างกายบ้างก็ยังดี

สุขภาพจิตก็สำคัญ

ยิ่งกักตัวก็ยิ่งเครียด ยิ่งเครียดสุขภาพก็ยิ่งแย่ เพราะงั้นคุณควรที่จะหาวิธีปล่อยวาง ถึงแม้ว่า 52% ของผู้ชายส่วนใหญ่จะไม่ชอบพูดเรื่องความรู้สึกของตัวเอง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องซ่อนมันเอาไว้เสมอไป ลองเปิดใจเล่าให้เพื่อน คนที่คุณรัก หรือจิตแพทย์ฟังบ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ยิ่งในวิกฤตการณ์แบบนี้สุขภาพจิตยิ่งเป็นสิ่งสำคัญ หมั่นใส่ใจมันและเล่าให้คนอื่นฟังบ้าง ไม่ต้องอาย! จะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ปรึกษากันได้เป็นเรื่องปกติ

หวังว่านี่จะช่วยให้เหล่าเพื่อนพ้องผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกันอย่างปลอดภัย อย่าลืมว่าสุขภาพและกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ Stay Strong สู้! เราต้องรอดไปด้วยกัน

---

Tough & Tumble

Written by: Nat Saranya

Source: beezeebodies

---

กว่าจะมาเป็นนักดับเพลิง.. ไม่ใช่เรื่องง่าย!

จากเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ล่าสุด ทุกคนคงได้เห็นกันแล้วว่า.. "นักดับเพลิง" นั้นสำคัญแค่ไหน เป็นอาชีพที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ อดหลับอดนอน เพื่อเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือผู้คน เรียกได้ว่าเป็นฮีโร่ของเหตุการณ์ที่ผ่านมาเลยก็ว่าได้ แต่รู้หรือไม่ว่า.. กว่าจะมาเป็นนักดับเพลิงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านการทดสอบ และการเทรนด์มากมายก่อนได้ลงสนามจริง วันนี้เราเลยจะพาไปดูกันว่ากว่าจะมาเป็นนักดับเพลิงได้นั้นต้องผ่านด่านคัดเลือกอะไรบ้าง

1. สอบข้อเขียน

สเต็ปแรกของการคัดเลือก คือ ต้องสอบขอเขียนเข้าเป็นพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยให้ผ่านก่อน ไม่ว่าจะเรียนจบจากสายไหนก็สามารถสอบได้หมด ขอแค่มีร่างกายที่แข็งแรง พร้อมเรียนรู้และรับมือกับทุกสถานการณ์ไม่คาดคิด โดยการสอบจะแบ่งออกเป็น 3 พาร์ท พาร์ทแรกสุดเรียกว่า ภาค ก. คือการสอบข้อเขียนเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไปเกี่ยวกับตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นความรู้เรื่องการป้องกันไฟ การจัดการวัสดุอันตราย การใช้งานเครื่องจักร หรือโครงสร้างอาคารต่าง ๆ หลังจากสอบภาค ก. ผ่านแล้วถึงจะได้ผ่านไปขั้นตอนต่อไป

2. ทดสอบร่างกาย

เป็นขั้นทดสอบความแข็งแรงของร่างกาย โดยจะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 6 ฐาน ได้แก่ การวิ่ง 1,000 เมตร ภายใน 5 นาที ว่ายน้ำ 50 เมตร ภายใน 1.30 นาที ดันพื้น 20 ครั้ง ดึงข้อ 5 ครั้ง แบกตุ๊กตา 50 กิโลกรัม ปีนขึ้นลงบันไดสูง 2 เมตร ภายใน 40 วินาที และสุดท้ายคือการผลักบันไดดับเพลิง ผู้สมัครสอบทั้งผู้ชายและผู้หญิงจะต้องผ่านการทดสอบเกณฑ์นี้เหมือนกันหมด ไม่มีข้อยกเว้น

3. สอบสัมภาษณ์

ด่านนี้เป็นการทดสอบจิตวิทยา วัดปฏิภาณไหวพริบและความสามารถในการตัดสินใจเมื่อแบกรับสถานการณ์เลวร้ายภายใต้ความกดดัน เพราะเป็นงานที่ต้องแข่งขันกับเวลาและความเป็นความตายของผู้คน จึงไม่ใช่ทุกคนที่จะผ่านขั้นตอนนี้ได้ เพราะฉะนั้นคนที่จะมาทำตำแหน่งนี้จึงต้องมีทักษะการคิดวิเคราะห์ แยกแยะ และตัดสินใจได้รวดเร็ว เด็ดขาด อย่างมีเหตุและผล เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและผู้ประสบภัย

4. เทรนด์ร่างกาย

หลังจากผ่านการทดสอบทั้ง 3 ขั้นตอนแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะได้ลงสนามเลย ยังต้องเข้ารับการฝึกเพื่อเป็นพนักงานดับเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย โดยการเทรนด์เป็นอย่างต่ำ 10 - 24 สัปดาห์ เป็นการฝึกเพื่อปรับสภาพร่างกาย และจิตใจให้พร้อม เพื่อที่จะกู้ภัย และใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างถูกวิธี

5. ประจำที่สถานีดับเพลิง

เมื่อได้รับการเทรนด์จนครบหลักสูตรแล้ว พนักงานดับเพลิงใหม่ยังคงต้องประจำการที่สถานีก่อน ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปปฏิบัติงานนอกสถานที่ จนกว่าจะได้รับการประเมินว่าร่างกายและจิตใจพร้อมแล้วถึงจะได้ลงสนามอย่างเต็มตัว

รู้อย่างงี้แล้ว.. รับรู้ได้ถึงความทุ่มเทของเหล่านักกู้ภัยหรือยัง ว่ากว่าจะมาช่วยเหลือสังคมได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านขั้นตอนมากมายให้ได้มาเป็นตัวแทนช่วยเหลือสังคมอยู่ตรงนี้ ช่างเป็นอาชีพที่น่านับถือจริง ๆ หวังว่าต่อไปผู้คนจะให้สนใจและให้ความสำคัญกับอาชีพนี้กันมากขึ้น เพราะเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่เสียสละมาก ๆ ในวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย

---

Tough & Tumble

Written by: Nat Saranya

Source: BBC, นักดับเพลิงและหน่วยกู้ภัยแห่งประเทศไทย

---

ทรงผมสุดแหวกตลอดกาล ของฟุตบอลยูโร!

เนื่องด้วยบรรยากาศฟุตบอลยูโร 2021 กำลังตลบอบอวล หลาย ๆ คนคงอดหลับอดนอนเพราะอยู่ลุ้นบอลดึก ๆ กัน แต่นอกจากผลบอลแล้วยังมีอย่างอื่นที่น่าสนใจเกี่ยวกับฟุตบอลยูโรอีก นั่นก็คือทรงผมสุดแหวกของเหล่านักฟุตบอลคนดัง วันนี้เราเลยรวบรวมทรงผมสุดเฟี้ยวที่นักเตะลูกหนังเคยตัดลงสนามมาให้ดูกัน.. ถ้าพร้อมแล้วก็ไปเริ่มที่คนแรกกันเลย!

มารูยาน เฟไลนี่

เปิดตัวด้วย มารูยาน เฟไลนี่ กับทรงผมที่เป็นเอกลักษณ์ กับทรงแอฟโฟร่สุดฮอตที่หลายคนบอกว่าดูยังไงก็คล้ายรังนก แต่กลับเป็นทรงผมที่มาแรงสุด ๆ ในยุคก่อน เหล่าเซเลบบริตี้ฮอลลี่วูดตัดกันให้เพียบ เรียกได้ว่าเป็นทรงยอดฮิตของยุค 80’s กันเลยทีเดียว

พอย แกสคอยน์

ในยูโรปี 1996 ใครจะลืมอดีตมิดฟิลด์เทคนิคสูงทีมชาติอังกฤษ อย่างพอล แกสคอยน์เป็นไปไม่ได้ กับผมBuzz Cut กัดสีบลอนด์เต่อๆแบบนี้ โดดเด่นจน ฟิล โฟเด้น มิดฟิลด์รุ่นน้องถึงกับต้องตัดตามในยูโร2020 ครั้งนี้ ..ทรงผมตามได้ ดูซิ้ว่าจะผลงานจะไปได้ไกลตามกันรึปล่าว

มาริโอ โกเมส

เชื่อว่าหลายคนต้องเคยเข้าร้านตัดผมพร้อมถือรูปนี้ไปให้ช่างดูกับทรงสุดคลาสสิค "ควิฟฟ์" ของ มาริโอ โกเมส ในปี 2012 เป็นทรงที่ทำให้หล่อเทพแบบง่าย ๆ โดยการไถผมด้านข้างและไว้ด้านบนยาว ๆ หน่อยจักนั้นเซตด้วยแว็กซ์หรือโพเมด แค่นี้ก็ดูดีแบบมีเทสต์แล้ว

อันเดรีย ปิโล่ร์

อาจจะไม่ใช่ทรงที่แปลกสุด ๆ แต่เป็นทรงที่พริ้วสุด ๆ แน่นอนกับผมยาวปลิวไสวของ อันเดรีย ปิโล่ร์ มิดฟิลด์เชิงสูงจากทีมชาติอิตาลี ที่ทำให้ชาวเน็ตแซวว่าเค้าคงใช้แชมพูอาทิตย์ละหลายขวดเพื่อให้ผมสวยพริ้วได้แบบนั้น

มาร์โก อาเนาโตวิช

หนุ่มนักเตะลูกหนังจากประเทศออสเตรเลียกับผมทรง "แมนบัน" สุดเฟี้ยว ที่เรียกร้องความสนใจได้ดีทีเดียวตอนลงสนาม เรียกได้ว่าเป็นทรงที่หล่อคูลและยังไม่รุงรัง ช่วยให้วิ่งได้อย่างคล่องตัว

มาเรค ฮัมซิก

ตรงกันข้ามกับ อันเดรีย ปิโล่ร์ ก็คือทรงนี้ของ มาเรค ฮัมซิก ที่ชาวเน็ตบอกว่าเค้าน่าจะประหยัดแชมพูไปได้เยอะกับทรงโมฮอว์ก ที่โกนเกือบทั้งหัวโดยเหลือผมไว้แค่ตรงกลางหย่อมนึง เป็นทรงที่ลงสนามเมื่อไหร่ก็เป็นที่จดจำ แทบจะไม่ต้องดูเลขเสื้อเลยด้วยซ้ำ

อาเบล ซาเวียร์

เมื่อเพื่อนร่วมทีมคนก่อน ๆ ทำ Standard ทรงผมไว้แจ่มไม่ไหว คุณเลยอยากเอาชนะ โดยจัดการฟอกสีผมกับหนวดเคราให้เข้ากัน แค่นี้ก็ดูดีแถมยังเป็นที่จดจำไม่แพ้เพื่อนร่วมทีมแน่นอน แค่ฝีมือดีอย่างเดียวคงไม่พอ ยุคนี้ผมต้องดูดีมีสไตล์ด้วย

เอดการ์ ดาวิดส์

ทรง "เดทร็อค" สุดคูลพร้อมแว่นเลนส์ส้มทำให้เค้ากลายเป็นคนที่ได้รับความสนใจทุกครั้งที่ลงสนาม ด้วยการแต่งตัวอันโดดเด่นและเป็นที่จดจำ อาจทำให้ใครหลายคนรู้สึกอยากทำตาม

พอล ปอกบา

ถ้าพูดถึงเรื่องทรงผมล้ำ ๆ ก็คงจะพลาดคนนี้ไปไม่ได้กับทรง "ฟังกี้บิลบอร์ด" ของ พอล ปอกบ้า ที่เห็นแค่ชื่อก็รู้แล้วว่าแปลกแค่ไหน.. กับการไถผมเป็นลายเส้นพร้อมทำสีเฉพาะบางส่วน สุดล้ำไม่ซ้ำใคร แถมเค้ายังเปลี่ยนทรงไปเรื่อย ๆ ให้คนตื่นตาตื่นใจทุกครั้งที่ลงสนามอีกด้วย

รุด กุลลิท

อีกหนึ่งทรง "เดทร็อค" ในตำนานของ รุด กุลลิท ในปี 1988 ที่เรียกได้ว่าในยุคนั้นไม่มีใครจำเค้าไม่ได้.. กับการถักเดทร็อคด้วยผมยาวหนา ๆ พร้อมหน้าม้าคู่ใจกับหนวดที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์ ต้องขอบอกว่าสไตล์ของเค้านั้นแปลกแหวกแนวไม่ซ้ำใครจริง ๆ

อิวาน เปริซิส

ทรงผมสุดฮือฮาก็คงจะเป็นของใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่คนนี้กับทรง “หมากรุกสีขาวแดง” แมทช์กับธงชาติโครเอเชียของเค้า ในปี 2016 เปรียบเสมือนการยกระดับวงการทรงผมของนักฟุตบอลไปอีกขั้นที่ไม่ใช่แค่ทำให้ดูหล่อเท่านั้นแต่คนต้องจำได้ด้วย ทรงผมนี้อาจจะดูแปลกตาแต่ว่ามันก็มีความหมายซ่อนอยู่ เพราะมันเป็นการโชว์พลังรักที่มีต่อประเทศบ้านเกิดของ อิวาน เปริซิส นั่นเอง

เห็นรึยังว่าทรงผมสุดล้ำมีอยู่ทุกวงการไม่เว้นวงการฟุตบอล แล้วคุณล่ะ.. เคยอยากตัดผมทรงแปลก ๆ ตามนักฟุตบอลคนไหนบ้างมั้ย ลองเอามาแชร์กันได้ในคอมเมนต์

---

Tough & Tumble

Written by: Nat Saranya

Source: 90MIN , broke-assstuart

---

วิธีฝ่าวิกฤตความเหงาช่วงกักตัวสำหรับชาว Extrovert

ชาว Extrovert หลาย ๆ คนคงรู้สึกเหมือนกันว่ากักตัวนาน ๆ แล้วเริ่มเฉา ไม่รู้จะทำอะไรดี เพราะทำไปแทบจะหมดแล้ว แต่ไม่ต้องห่วง คุณจะไม่รู้สึกเหงาอีกต่อไปเพราะวันนี้ Tough & Tumble จะมาบอกวิธีก้าวผ่านความเปล่าเปลี่ยวนี้ว่าควรทำไรดีช่วงกักตัว

ฝึกสกิลใหม่

ลองหาอะไรทำแบบจริงจังดู ไม่ว่าจะเป็นการฝึกทำอาหาร ฝึกซ่อมอุปกรณ์ต่าง ๆ หรือฝึกหมา ฝึกแมวให้เชื่อง ไม่แน่หลังจากนี้คุณอาจจะได้มุขใหม่ไว้มัดใจสาว ๆ

หาไรเรียนเพิ่ม

ไหน ๆ ก็ว่างไม่รู้จะทำไร งั้นหาความรู้ใส่ตัวกันดีกว่า ด้วยการลงคอร์สเรียนภาษา เรียนเล่นดนตรี หรือจะเรียนอะไรก็ว่าไป ได้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ ไม่เสียทิ้งไปเปล่า ๆ เป็นการเพิ่มโอกาสในการหาเงินได้เยอะขึ้นไปในตัว

ลองดูหนังที่ไม่เคยคิดจะดู

การทำอะไรที่ไม่คิดจะทำก็เป็นการปลดล็อคตัวเองอีกขั้นนึง คุณอาจจะได้ Inspiration ใหม่ ๆ หรือได้รู้จักตัวเองมากขึ้นจากการดูหนังที่ไม่เคยสนใจก็ได้ ใครจะรู้

ปัดทินเดอร์/CMB

เหงาอะไรจะเท่าเหงาใจ.. โควิดระบาดแบบนี้จะให้ออกไปหาแฟนได้ยังไง โอกาสแทบเป็นศูนย์ หนุ่ม ๆ หลายคนคงรู้สึกเหงายิ่งกว่าเหงา แต่โควิดจะมาเป็นอุปสรรคอะไรถ้าใจเราอยากมีแฟน โหลดแอพมาปัดสิครับรอไร เผลอ ๆ ได้แฟนไวกว่าดีลกันตัวเป็น ๆ ด้วยซ้ำ

ฟิตหุ่น

นาน ๆ ทีจะมีโอกาสอยู่บ้านยาว ๆ เอาเวลานี้มาฟิตหุ่นเสริมหล่อก็ไม่เสียหาย หล่อขึ้นได้แบบไม่ต้องเสียค่าฟิตเนส

โทรหาเพื่อน

สาว ๆ ส่วนใหญ่เค้าใช้วิธีนี้คลายเหงากัน แต่จริง ๆ แล้วผู้ชายก็ทำได้รู้ยัง ไม่ใช่เรื่องแปลก การโทรไปคุยขิงคุยข่ากับเพื่อนมันช่วยให้หายเหงาได้จริงผู้หญิงเค้าเคลมมาแล้ว.. และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นต้องอาย เชื่อเถอะว่าเพื่อนคุณก็คงเหงาไม่แพ้กัน

เล่นเกมส์

นอกจากดูหนังก็คงจะมีแต่เล่นเกมส์นี่แหละที่ฆ่าเวลาได้ดีที่สุด.. จะ ROV, DOTA หรือ FIFA ก็จัดมาอย่าให้ขาด ฝึกสกิลปาก สกิลบวกไปในตัว เผลอ ๆ ได้เพื่อนใหม่ อย่าล้อเล่นไป

เก็บห้อง

ทำความสะอาดบ้าน ปัดกวาดห้องให้เป็นระเบียบ เปลี่ยนนิสัยมาเป็นหนุ่มรักสะอาด รับรองว่าสาว ๆ กรี๊ดแน่นอน ขนาดบ้านยังดูแลขนาดนี้ แล้วแฟนจะดูแลดีขนาดไหน เปลี่ยนลุคเป็นผู้ชายสายเทคแคร์ในตำนาน

เห็นรึยังชาว Extrovert ว่าอยู่บ้านก็ไม่ได้แย่เสมอไป มีอะไรให้ทำเพียบ ลองเอากิจกรรมพวกนี้ไปทำดู รับรองว่าคุณจะยุ่งจนไม่มีเวลาเหงาอีกเลย

---

Tough & Tumble

Written by: Nat Saranya

---

กับดักความซ้ำซาก.. เรื่องจำเจที่ผู้ชายชอบทำ

เป็นเหมือนกันมั้ย? ชอบทำแต่อะไรซ้ำ ๆ เดิม ๆ จนบางทีก็รู้สึกว่า "ยังไม่แก่นี่หว่า ทำไมชอบทำไรซ้ำซากวะ" แต่จงรู้ไว้ว่าคุณไม่ได้อโลนนน.. ไม่ได้มีแค่คุณคนเดียวแน่นอนที่ชอบทำไรเหมือนเดิมเป็นประจำโดยที่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน วันนี้ Tough & Tumble เลยจะพามาส่องพฤติกรรมสุดจำเจที่คนส่วนใหญ่ชอบทำ Out of habits!

สั่งเมนูเดิม ๆ

เวลากินอาหารตามสั่งหรือไปร้านไรก็ตาม จะสั่งแต่เมนูเดิม ๆ ที่ตัวเองเคยกินซ้ำแล้วซ้ำอีกจนบางทีเพื่อนจำได้ว่าจะสั่งอะไร เช่นพวกกะเพราไข่ดาว ข้าวผัดกุ้ง หรือเส้นเล็กแห้ง เพราะรู้สึกมั่นใจว่ายังไงก็กินได้แน่นอน เลยไม่ค่อยลองเมนูแปลก ๆ ใหม่ ๆ

แต่งตัวสไตล์เดิม

แต่งตัวลุคเดิม ๆ ใส่เสื้อผ้าตัวเดิมซ้ำ ๆ เพราะรู้สึกว่ามันสบายแล้วก็ไม่ต้องคิดเยอะดี ใส่ออกมายังไงก็ดูดีไม่ต้องลอง ประหยัดเวลาในการเลือกชุดได้เอาเวลาไปนอนหรือทำอย่างอื่นอีกเพียบเลย

กลับไปหาคนเดิม ๆ

เคยงงบ้างมั้ยว่าทำไมเสียใจหนักแค่ไหนเราก็ยังมีหน้ากลับไปหาคนแบบเดิม ๆ เหมือนความรักทำให้เราบอดสนิท แต่จริงๆมันเป็นเพราะว่า.. ตามหลักจิตวิทยา ลึก ๆ แล้วเรารู้สึกว่าความรักที่พังลงไปมันเป็นความผิดพลาดของเรา เลยทำให้อยากกลับไปแก้ไขข้อเรื่องนั้นแต่มันอาจจะทำไม่ได้แล้ว เราเลยจะไปแก้กับคนใหม่ที่มีนิสัยหรืออะไรคล้ายกับคนแบบเดิม ๆ

source: www.feelingishealing.co.uk

อยู่ใน(การ)เมืองเดิม ๆ

ใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบเดิม ๆ มานานแสนนานนนด้วยความคุ้นเคย.. ทั้งรถเมล์สภาพเก่า ๆ กรัง ๆ แบบเดิม ๆ และยังทางเท้าพัง ๆ ที่น้ำกระเด็นทุกครั้งที่เดินเหยียบที่มีมานาน ไหนจะสายไฟที่ยุ่งเหยิงแบบเดิม ๆ ที่มีคนสัญญาว่าจะเอาลงใต้ดินแต่ก็ไม่เห็นว่าจะเอาลงสักที ชีวิตดี ๆ ที่ลงตัวที่ทุกคนกำลังเผชิญ นับเป็นหนึ่งในความจำเจอันยาวนานที่ทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องหลับหูหลับตาทนไป ด้วยความหวังว่ามันจะเปลี่ยนสักที

เที่ยวที่เดิม ๆ

เคยสังเกตมั้ยว่าทุกคนจะมีที่แฮงค์เอาท์ของตัวเอง แล้วก็จะไปแต่ที่เดิมซ้ำ ๆ โดยที่ไม่รู้สึกเบื่อ เหมือนเป็น Comfort Zone ในการไปเที่ยว เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าบรรยากาศมันเป็นยังไง ผู้คนเป็นแบบไหน ต้องแต่งตัวไงถึงจะคูล เลยทำให้รู้สึกดีที่จะไปมากกว่าการลองที่ใหม่ ๆ ที่ไม่แน่นอน แต่ใครจะรู้ว่าไปแล้วอาจได้เจอเนื้อคู่ใหม่ ๆ ก็ได้นะ พ๊ามผ่าม!

ใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ

ตื่นมาทำทุกอย่างแบบเดิมเป็นกิจวัตร ไม่ว่าจะตื่นมาเช็กโทรศัพท์ก่อนทุกครั้งเป็นอันดับแรก หรือตื่นมาแล้วนั่งเฉย ๆ 5 นาทีค่อยลุกไปอาบน้ำ หรือบางคนตื่นมาไม่กินข้าวเช้า - ไปทำงานเลย ก็ทำอยู่อย่างเดิมซ้ำ ๆ เป็นปกติทุกวัน โดยที่บางทีเราก็ไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่านั่นก็คือความจำเจ เพราะเราเรียกมันว่า Routine

เห็นรึยังว่าเราทำอะไรซ้ำ ๆ อยู่ทุกวันนั่นแหละโดยที่เรารู้ตัวและไม่รู้ตัว เหมือนติดอยู่ใน Comfort Zone แต่ก็ไม่แน่ถ้าทำแบบนี้ไปนาน ๆ อาจจะทำให้รู้สึกหมดไฟในการใช้ชีวิตสักวัน.. ใครจะไปรู้ ลองหาอะไรใหม่ ๆ ทำบ้างก็ได้ ให้ชีวิตดูมีสีสันขึ้น ไม่น่าเบื่อ เราอาจจะได้มากกว่าที่คิด ลองดู Break the status quo, break the familiarity!

---

Tough & Tumble

Written by: Nat Saranya

Source: Psychology Today

---

ทำไมผู้ชายถึงควรเทตังค์ลงทุนในคริปโต (Cryto) มากกว่ากับสาว ๆ?

ต้องยอมรับว่าสกุลเงินดิจิทัลคริปโตเคอเรนซี่ (Cryptocurrency) กลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงหนักมากกกกกกในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะบิทคอยน์ (Bitcoin) และด็อกคอยน์ (Dogecoin) ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลหรือเงินแห่งอนาคตที่กำลังมาแรงสุด ๆ เรียกได้ว่าเป็นความหวังใหม่ในการทำธุรกรรมต่าง ๆ เพื่อใช้ซื้อสินค้าและบริการ ซึ่งอาจจะมาแทนที่แบงก์กับเหรียญที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ และด้วยความผันผวนของสกุลเงินนี้เลยมีคนซื้อขายเพื่อเอากำไรเยอะมากกกก แต่จริง ๆ แล้วเจ้าสกุลเงินนี้มันน่าสนใจจริงมั้ย และทำไมถึงควรลงทุนกับมัน เอาตังค์ไปเปย์สาวดีกว่ารึเปล่า วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยพวกนี้กันว่าคริปโตมันดียังไง ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงเทเงินหมดหน้าตักไปกับมัน

คริปโตส่วนใหญ่มีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อย ๆ

ถ้าเทียบราคาปัจจุบันกับแต่ก่อนตอนคนยังไม่ให้ความสนใจเท่าไหร่.. จะเห็นได้ชัดเลยว่าราคาคริปโตมาไกลมาก และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นไปอีกในอนาคต เท่ากับว่าต่อให้คุณถือเหรียญเท่าเดิมแต่อาจจะมีเงินมากขึ้น

ไม่ถูกควบคุม

ไม่ได้โดนควบคุมโดยหน่วยงานไหน ไม่ว่าจะรัฐหรือเอกชน ต่อให้คุณเป็นคนผลิตเหรียญนั้นขึ้นมาเองก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุด เห็นได้ชัดจากเคสของ Markus (ผู้สร้างด็อกคอยน์) ที่เทขายคริปโตของตัวเองไปตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งมันมีค่าเพียงแค่พอซื้อรถ Honda Civic มือสองเท่านั้น และตอนนี้เค้าก็ใช้ชีวิตปกติ ไม่ได้เป็นมหาเศรษฐีพันล้าน

ไม่เสียค่าธรรมเนียม

การลงทุนในตลาดบิทคอยน์ หรือทำธุรกรรมใด ๆ จะไม่เสียค่าธรรมเนียมหรือเสียน้อยมาก ๆ ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์ที่คุณเลือกเทรด

ไม่เสียใจ

อย่างน้อยคริปโตก็ไม่สามารถหักอกคุณได้เหมือนสาว ๆ แน่นอน การลงทุนอาจจะมีเจ็บช้ำกันบ้างจากการขาดทุน แต่มันจะไม่มีวันปล่อยคุณไว้เพียงลำพังถ้าคุณไม่ขายมันเพราะทนติดดอยไม่ไหว..

รับส่งเหรียญได้ทั่วโลกอย่างรวดเร็ว

โอน และซื้อ ขายคริปโตผ่านระบบอินเตอร์เน็ตได้โดยไม่ต้องมีธนาคารเป็นตัวกลาง ไม่ต้องรอเวลาทำการ 2 - 3 วัน และยังโอนให้ใครก็ได้บนโลกนี้ด้วยตัวคุณเอง

หลายคนคงได้ข้อสรุปแล้วว่าจะลงทุนกับคริปโตดีมั้ย หรือเก็บตังค์ไว้เปย์สาว ๆ ดีกว่า แต่อย่าลืมว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจ แต่ถ้าหากคุณลงทุนไปแล้วได้เงินก้อนโตยังไงก็มีสาว ๆ ไว้ให้เปย์แน่นอน เพราะฉะนั้น.. คิดให้ดี

---

Tough & Tumble

Written by: Nat Saranya

---

เชื่อหรือไม่? ใส่แมสแล้วทำให้ผู้ชายดูฮอตขึ้นสิบเท่า

ผู้ชายหลาย ๆ คนอาจรู้สึกว่าการที่ต้องใส่แมสไปไหนมาไหนมันทำให้ดูเสียบุคลิก แต่งตัวยาก และยังปิดโอกาสที่จะดึงดูดเพศตรงข้ามโดยใช้หน้าตา แต่เชื่อหรือไม่ว่า 88% ของผู้หญิงในอเมริการู้สึกว่าผู้ชายที่ใส่หน้ากากดูเซ็กซี่และน่าดึงดูดมากกว่าคนที่ไม่ใส่ จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัย Pennsylvania บอกว่าเพราะการใส่แมสปิดจุดบกพร่อง ริ้วรอยต่าง ๆ บนหน้าเลยทำให้หลาย ๆ คนดูดีขึ้น เหมือนการใส่แว่นกันแดดที่ช่วยปิดสิ่งที่คนทั่วไปไม่ต้องการโชว์ด้วยการปิดครึ่งบนของใบหน้าแต่นี่เป็นการปิดครึ่งล่าง งานวิจัยนี้ให้ผู้หญิงแบ่งผู้ชายออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มคนที่น่าดึงดูด ปานกลาง และไม่น่าดึงดูดเลย พบว่าผู้ชายหลาย ๆ คนที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มไม่น่าดึงดูดเลยตอนแรกกลายเป็นคนที่น่าดึงดูดขึ้นมาทันทีพอใส่แมส เรียกได้ใครไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะผู้หญิงหลายคนให้เหตุผลว่าอาจเป็นเพราะดวงตากับทรงผมที่ทำให้ผู้ชายหลาย ๆ คนดูมีเสน่ห์มากขึ้นตอนที่ใส่แมสแล้วปิดส่วนที่ไม่มีเสน่ห์ไว้ แต่การใส่แมสเฉย ๆ ก็คงไม่ได้ทำให้คุณดูดีขึ้นได้ขนาดนั้น วันนี้ Tough & Tumble เลยจะมาบอกวิธีใส่แมสยังไงให้ปัง ให้คุณดูฮอตขึ้นเป็นสิบเท่า...

1.เลือกแมสแฟชั่น

ถ้าคุณอยากเฟี้ยวแล้วล่ะก็ "แมสแฟชั่น" คือสิ่งที่ตอบโจทย์ชีวิตที่สุด เพราะการป้องกันตัวเองจากเชื้อโรคก็ไม่จำเป็นจะต้องใส่หน้ากากอนามัยสีขาวแค่อย่างเดียว คุณสามารถใส่หน้ากากที่มีลวดลายสีสันตามที่ชอบได้ แต่หน้ากากนั้นต้องได้รับมาตรฐานและการรับรองแล้วว่าสามารถป้องกันเชื้อโรคได้จริง ๆ แค่นี้ก็ปลอดภัยพร้อมดูดี! แฟชั่นก็เป็นเกราะป้องกันในการใช้ชีวิตได้ ตามที่ Bill Cunningham เคยบอกไว้ว่า "Fashion is the armor to survive the reality of everyday life"

2. แมทช์แมสกับเสื้อผ้า

อย่าให้หน้ากากมาเป็นอุปสรรคในการแต่งตัว คิดซะว่ามันคือ Accessories นึงที่มาช่วยให้คุณคอมพลีทลุคได้อย่างลงตัว เลือกลายหรือสีของหน้ากากให้เข้ากับเสื้อผ้าและสไตล์ที่จะใส่วันนั้น เป็นการ Mix & Match ในแต่ละวันให้สนุกมากขึ้นไปอีก เช่น วันนี้ใส่สูทลายทาง ก็อาจจะเลือกแมทช์กับแมสลายทางให้เข้ากับสูท แค่นี้ก็คอมพลีทลุคพร้อมออกงาน ไม่ต้องกลัวว่าแมสจะทำให้ชุดดูดรอปอีกต่อไป

3. เซตผม

อย่างที่บอกไปว่าเวลาใส่แมส สิ่งที่คนอื่นจะเห็นมีแค่ 2 อย่างคือดวงตากับทรงผม และคุณคงเพิ่มเสน่ห์อะไรกับดวงตามากไม่ได้ถ้าไม่ได้แต่งหน้า แต่คุณสามารถเซตผมให้เป็นทรงที่ต้องการได้เพื่อเพิ่มเสน่ห์ให้น่ามองยิ่งขึ้น บอกเลยว่าการเซตผมไม่ได้ทำให้คุณดูดีขึ้นแค่อย่างเดียวแต่ยังทำให้ดูมีคลาสและสไตล์มากขึ้นอีกด้วย ไม่ว่าจะเซตด้วยโพเมดสูตรด้านหรือเงาก็ดีกว่าการปล่อยผมลงมาปิดหน้าปิดตาแน่นอน

4. เลือก Maskcessories ให้เข้า

Maskcessories คืออุปกรณ์เสริมสำหรับหน้ากากนั่นแหละ เช่น พวกสายคล้องคอ หรือที่ปรับระดับความยาวสายต่าง ๆ บอกเลยว่ายุคนี้ไม่ได้มีแค่แมสอย่างเดียวที่มีลวดลายให้เลือกเยอะ อุปกรณ์เสริมก็เยอะแฟชั่นจัดจ้านไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นสายคล้องคอเหล็กแบบ Street Style หรือลายเรียบ ๆ เท่ ๆ ก็มีให้เลือกเพียบ เรียกได้ว่าเป็นไอเท็มที่นอกจากจะช่วยให้ดูดียังช่วยป้องกันไม่ให้หน้ากากสัมผัสกับเชื้อโรคได้ง่าย ๆ จากการใส่ไว้ใต้คางหรือวางไว้บนโต๊ะอาหารอีกต่างหาก

5. เลือกหน้ากากสุดล้ำที่จะเพิ่มเลเวลความฮอตให้พุ่งกระฉูด

เมื่อหน้ากากไม่ใช่แค่หน้ากากอีกต่อไปแต่เป็นอีกหนึ่ง Gadget ที่จะช่วยยกระดับไลฟ์สไตล์ไปอีกขั้น คุณสามารถเลือกหน้ากากที่มาพร้อมฟังก์ชันสุดไฮเทคเพื่อเพิ่มความล้ำให้ดูดีกว่าการใส่หน้ากากผ้าธรรมดาทั่วไปได้ เช่น เลือกหน้ากากที่มีหูฟังในตัว หรือมีไมค์โครโฟนไร้สายไว้เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ให้ชีวิตคุณง่าย ดูทันสมัยกว่าคนอื่นไปอีกสิบเท่า

เห็นรึยังว่าเราสามารถเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสโดยการแต่งตัวให้สนุกขึ้นได้ เพราะฉะนั้นหลังจากนี้ก่อนออกจากบ้านอย่าลืมหยิบหน้ากากสุดคูลที่จะช่วยให้คุณดูดีขึ้นติดตัวไปด้วย ไม่ต้องกลัวว่าจะดูไม่ดีหรือดูป่วยตอนใส่หน้ากากเพราะตอนนี้คนที่ไม่ยอมใส่ต่างหากที่ดูไม่ดี ป้องกันตัวเองและคนรอบข้างด้วยการใส่หน้ากากไปทุกที่ อย่าลืม!

---

Tough & Tumble

Written by: Nat Saranya
Source: THE LADDERS, GQ & MAN2MAN

---

Zoomกันชัดๆ.. ปังกว่าใครในประชุมออนไลน์ ทำยังไง?

ใครที่กำลังทำงานที่บ้าน (work from home) อยู่ แน่นอนว่าต้องมีประชุมออนไลน์แบบเปิดกล้องอยู่บ่อย ๆ หลายคนคงรู้สึกเบื่อไม่ค่อยอยากเปิดเพราะหน้าโทรม กลัวมีคนแอบแคปไปลงสตอรี่ กลัวสาว ๆ ที่ชอบเห็นแล้วตกใจอีก แต่ไม่ต้องห่วง Tough & Tumble เข้าใจทุกเรื่องกังวลของผู้ชาย วันนี้เลยจะมาเผยเคล็ดลับ "ซูมยังไงให้ปัง" ไม่ตกม้าตายประชุมหนักแค่ไหนก็ยังหล่อระเบิด

ล้างหน้าล้างตาทุกเช้า

เคยได้ยินมั้ยว่า "แค่สะอาดก็หล่อแล้ว" การล้างหน้าล้างตา อาบน้ำแปรงฟังเป็นเบสิกขั้นพื้นฐานที่คุณควรทำทุกเช้าถ้าอยากดูดี เอาคราบน้ำลายออกหน่อยก่อนเริ่มวันใหม่ ช่วยให้ดูสะอาดสะอ้านดีกว่าตื่นแล้วกดเข้าซูมเลยแน่นอน เพราะหล่อแค่ไหนก็ไม่รอดถ้าสกปรก...สเต็ปง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็ทำได้ เป็นการปลุกตัวเองไปในตัวด้วย

หาตำแหน่งวางคอมดี ๆ

เลือกมุมที่หันหน้ารับแสง หรือหันออกหน้าต่างจะดีกว่า เพราะมันจะทำให้หน้าดูสว่างสดใสขึ้น แต่ถ้าไม่อยากโดนแดดกลัวร้อน ก็จัดไฟไปเลยชุดใหญ่เอาให้เต็มที่ วางโคมไฟไว้ข้างคอมเยื้องไปทางด้านหลังหน่อยแค่นี้แสงก็จะตกบนหน้าทำให้หน้าสว่างมีออร่ามากขึ้นแล้ว หรือไม่ก็วางคอมไว้บนโต๊ะสีขาวให้แสงสะท้อนมาก็ยังได้ แต่ที่สำคัญสุดคือการจัดมุมกล้อง ระวังอย่าให้กล้องต่ำเสยคางเพราะเหนียงจะออก วางให้อยู่แนวเดียวกับช่วงตัวหรือสูงกว่าดีที่สุด เพราะทำให้หน้าดูเล็กเรียว จำแล้วนำไปใช้เดี๋ยวจะหาว่าไม่บอก

ทาครีม ดูแลผิว

ทาครีมที่เหมาะกับสภาพผิวตัวเองอย่าให้ขาด เพราะมันจะช่วยให้หน้าดูไม่โทรมถ้าคุณดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ ท่องไว้ในใจเลยว่า "ต้องขยันทาไม่งั้นหน้าจะแย่"

ใช้ฟิลเตอร์ใน Zoom

ถ้าเผลอปล่อยเนื้อปล่อยตัวไปแล้วก็ไม่เป็นปัญหา แก้ได้ด้วย Beauty Filter ในแอพ Zoom คลิกเดียวช่วยให้หน้าเนียนขึ้นทันที แค่ติ๊ก Touch up my appearance ก็หล่อขึ้น 1 สเต็ปแบบไม่ต้องดูแลตัวเองให้วุ่นวาย ผ่านสมรภูมิมาหนักแค่ไหนก็รอด

แต่งตัวอยู่บ้านให้ดีขึ้นนิดนึง

พยายามใส่เสื้อผ้าให้ดูมีอะไรมากขึ้นหน่อย งดเสื้อเน่าหรือชุดนอนไปก่อนเพราะมันทำให้ดูไม่คูล อาจจะไม่ต้องจัดเต็มเหมือนเวลาออกไปข้างนอก แต่ก็พยายามมิกซ์แอนด์แมชให้ดูมีสไตล์มากกว่าชุดอยู่บ้านปกติจะดีกว่า

เซตผมให้เป็นทรง

บอกเลยว่าการเซตผมช่วยให้คุณหล่อขึ้นเป็นกอบเป็นกำ เพราะทรงผมสำคัญมากกกกกกกกสำหรับผู้ชาย เพราะแค่ผมดีหน้าก็ปัง เพราะงั้นใช้โพเมดเซตทุกวันก่อนกดเข้าซูมกันดีกว่า รับรองดูมีออร่าเด่นกว่าคนอื่นแน่นอน เปลี่ยนลุคเซอโทรม ๆ เป็น Working guy สายเท่ได้ง่าย ๆ แค่ปาดแล้วหวีไม่ถึง 5 นาทีเสร็จ

เล็มหนวดเคราออกบ้าง

หนวดกับผู้ชายเป็นของคู่กันแต่ก็ไม่ควรปล่อยให้มันรุงรังจนไม่น่ามอง โกนหนวดทุกวันอย่าขี้เกียจเพราะการโกนหนวดจะช่วยให้คุณดูดีขึ้น หน้าจะดูเด็ก ผิวดูสะอาด สุขภาพดี ดูดีขึ้นกว่าตอนไม่โกนเยอะ สาว ๆ เค้าคอนเฟิร์มมา

เก็บกวาดบ้าน

ไม่ก็เปลี่ยน Background ไปเลย Background ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ถ้าไม่จัดห้องให้เป็นระเบียบ เก็บของให้เป็นที่เป็นทาง ก็เปลี่ยน Background ปิดความรกไปเลย เพราะห้องรกจะทำให้คุณดูดรอป หล่อแค่ไหนก็ไม่รอดเพราะสิ่งของแย่งซีน ดูรกรุงรังเต็มไปหมด

เห็นมั้ย...ว่าอยากดูดีไม่ใช่เรื่องยาก การทำงานอยู่บ้านก็ไม่จำเป็นต้องโทรมเสมอไป ดูแลตัวเองทุกวันให้ติดเป็นนิสัยยังไงก็เอาอยู่ ลองเอาไปปรับใช้กันดู รับรองว่าปังไม่น้อยหน้าใคร ประชุมหนักแค่ไหนก็ยังเฉียบ ยืนหนึ่ง!

---

Tough & Tumble

Written by: Nat Saranya

---

รู้ยัง?.. ผู้ชายก็มีรอบเดือน

รู้หรือไม่.. ไม่ใช่แค่ผู้หญิงเท่านั้นที่มีช่วงอารมณ์แปรปรวน ผู้ชายก็มีเหมือนกัน.. นี่อาจเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนไม่เคยรู้มาก่อน แต่มันคือเรื่องจริง! โดยข้อมูลนี้มีที่มาจากผู้เชี่ยวชาญเรื่องระบบปัสสาวะ ว่าผู้ชายก็มีช่วงฮอร์โมนแปรปรวนทุกเดือนเหมือนกัน แต่แค่จะซ่อนอาการไว้ ไม่ให้คนรอบตัวรู้ และจะไม่มีเลือดออกตรงนั้นเหมือนผู้หญิง ส่วนใหญ่ประจำเดือนของผู้ชายจะเกิดชัด ๆ ในช่วงวัยรุ่นหรือกับคนที่มีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำมาก ๆ อาการถึงจะออกชัดนิสัยเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ หงุดหงิดง่าย อ่อนไหวขึ้น และอาการอื่น ๆ อีกเหมือนเวลาผู้หญิงเป็นเมนส์ แต่ถ้าคนไหนสุขภาพดี อาการพวกนี้ก็จะไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ นอกจากนี้.. ผู้ชายก็ยังมีรอบเดือนอื่นอีกด้วย มาดูกันดีกว่าว่ามีเรื่องไรบ้างที่ผู้ชายต้องทำประจำทุกเดือน พลาดไม่ได้

ตัดผม

ผู้ชายส่วนใหญ่จะตัดผมเดือนละครั้ง เพราะเป็นช่วงที่ผมยาวกำลังดี ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้ก็จะยาวเกินเป็นทาซาน และถ้าคุณสงสัยว่าเวลามีเดทหรืองานสำคัญ ควรตัดผมล่วงหน้าก่อนกี่วันดี วันนี้เราจะมากระซิบบอก.. ถ้าไม่อยากให้หน้าดูแปลกควรตัดก่อน 1 - 2 วัน เพื่อให้ผมเข้าที่ดูเป็นธรรมชาติ แต่ถ้าจะไปถ่ายรูปติดพาสปอร์ตหรือบัตรต่าง ๆ ควรตัดล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน เพื่อให้ผมเซตตัว

ซักกางเกงยีนส์

กางเกงยีนส์ของผู้ชายเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าไม่ควรซักบ่อยเพื่อไม่ให้สีเฟด เสียทรง เป็นการถนอมผ้าไปในตัว เลยเป็นเรื่องที่ต้องทำทุกเดือน ไม่ใช่ทุกสัปดาห์เพื่อไม่ให้ผ้าเสื่อมคุณภาพเร็ว

กินเหล้า

บางคนอาจจะบอกว่ากินทุกเดือนไร เค้ากินกันทุกอาทิตย์.. แต่เชื่อว่าหลาย ๆ คน พอโตขึ้นก็จะเริ่มรู้สึกเบื่อการกินเหล้า หรือไม่ก็ไปไม่ได้เพราะมีโควต้าจำกัดจากคุณภรรยาที่รัก เลยเปลี่ยนมาเที่ยวนาน ๆ ทีแทน แค่พอหอมปากหอมคอไม่ให้เบื่อ

จ่ายบิล

เรียกได้ว่าเป็นรอบเดือนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่อยากให้มาก็มาตลอด นั่นก็คือรอบจ่ายบิลทุกสิ้นเดือน ไม่ว่าจะบิลค่าน้ำ ค่าไฟ หรือค่าอะไรต่าง ๆ ที่ไม่ว่าจะมามาก มาน้อยแค่ไหนก็ต้องไปจ่ายตลอด เป็นรอบเดือนที่เพศไหนก็ไม่อยากมี

มีเวลาให้ตัวเอง

สิ่งที่ผู้ชายส่วนใหญ่ทำเป็นประจำทุกเดือนก็คือการหาเวลาให้ตัวเองทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ไม่ว่าจะเป็นการนอน เล่นเกมส์ หรือเตะบอล ก็ต้องทำอย่างน้อยเดือนละครั้ง

ซื้อของ

เวลาของใช้ในบ้านหมด ทุกคนก็จะไปเดินซื้อของตุนไว้ทุก ๆ ต้นเดือน จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปเดินซื้อบ่อย ๆ เพราะไปทีก็ยุ่งยาก ที่จอดรถไม่ค่อยจะมี คิวจ่ายตังค์ก็ยาว ไหนจะเสี่ยงติดโควิดอีก อย่างซื้อของใช้ในห้องน้ำ ก็ต้องไปเดินเลือกแชมพู แวกซ์ใส่ผมซึ่งใช้เวลานาน งั้นลองเปลี่ยนมาซื้อออนไลน์แบบซับสคริปชั่น (Subscription) ดู สั่งง่าย สะดวก รวดเร็ว แค่กดสั่งครั้งเดียว ของก็ส่งถึงบ้านให้ทุกเดือนโดยไม่ต้องสั่งซ้ำให้ยุ่งยาก ตัดบัตรเป็นรอบ หลังจากนั้นก็รอรับของอยู่บ้านชิล ๆ เลือกวัน เวลาให้ของมาส่งเองได้ด้วย หมดปัญหาของขาดไม่ทันใช้ ไม่ต้องไปเดินซื้อให้วุ่นวายเสียเวลา

ทีนี้เชื่อยังว่าผู้ชายก็มีรอบเดือนเหมือนกัน.. มาเต็มไม่แพ้ผู้หญิง แต่ไม่ใช่รอบเดือนที่มีเลือดออกมาแค่นั้นเอง แล้วคุณล่ะ.. มีรอบเดือนอะไรนอกจากนี้อีกมั้ย ลองมาแชร์กันได้ที่คอมเมนต์ด้านล่าง

---

Tough & Tumble

Written by: Nat Saranya

Source: Voice TV

---

เตรียมให้พร้อมก่อนฉีดวัคซีน COVID19 รู้ยัง? ชายหญิงอาจมีผลต่างกัน

รู้หรือไม่ มีหลายปัจจัยมากกกกกกกกก..ที่ทำให้ผู้ชายกับผู้หญิงได้รับผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนโควิด 19 ต่างกัน หากคุณเป็นคนนึงที่กำลังแพลนว่าจะฉีด หรือฉีดไปแล้วและมีอาการต่าง ๆ มากมายจนอยากรู้ว่าเป็นเพราะอะไร วันนี้ Tough & Tumble จะมาเฉลย พร้อมไขข้อสงสัยให้ว่าทำไมร่างกายของผู้หญิงกับผู้ชายถึงมีผลข้างเคียงต่างกัน

ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายไม่เหมือนกัน

นักวิจัยออกมาบอกว่า ระบบภูมิคุ้มกันของผู้หญิงสร้าง Antibodi หรือสารภูมิต้านทานต่อการติดเชื้อได้มากกว่าผู้ชายเท่าตัว! เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นการฉีดวัคซีนโรคไข้เหลือง พิษสุนัขบ้า หรือโรคอะไรก็ตาม ผู้หญิงจะได้รับผลข้างเคียงมากกว่าผู้ชายเป็นปกติอยู่แล้ว นี่อาจเป็นเรื่องดี ที่ทำให้ผู้ชายหลาย ๆ คนกล้าไปฉีดวัคซีนมากขึ้น เพราะอย่างน้อยก็อาจจะไม่ได้รับผลข้างเคียงที่กำลังเป็นกระแสข่าวถาโถมอยู่ในตอนนี้ แต่อย่าลืมไปว่านั่นเป็นแค่ข้อสรุปจากงานวิจัยโดยคนส่วนใหญ่ในเมริกาเท่านั้น คุณต้องเอาข้อมูลนี้ไปชั่งใจดูอีกทีว่าจะตัดสินใจยังไง แต่การเห็นผลข้างเคียงก็ไม่ได้มีแค่ข้อเสียอย่างเดียวรู้ยัง เพราะมันทำให้เห็นอีกด้วยว่าวัคซีนที่ฉีดไปกำลังทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพและมีโอกาสได้ผลมากขึ้น นั่นเลยทำให้ใครหลาย ๆ คนอาจจะอยากเห็น Side Effects เบา ๆ อยู่บ้างก็ได้

ฮอร์โมนก็มีส่วน

ฮอร์โมนเพศอย่างพวกเอสโตรเจน โปรเจสโตโรน(ฮอร์โมนเพศหญิง) และเทสโทสเตอร์โรน(ฮอร์โมนเพศชาย) มีผลกับวัคซีนหมดบอกเลย ยกตัวอย่างเช่น ฮอร์โมนเทสโทสเตอร์โรนในผู้ชายจะมีสารกดภูมิคุ้มกันอยู่ ทำให้วัคซีนได้ผลน้อยลงกับคนที่มีฮอร์โมนตัวนี้เยอะ และฮอร์โมนนี้ก็ยังไปยับยั้งการสร้างเคมีที่ช่วยเรื่องระบบภูมิคุ้มกันอีก นั่นเลยอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้ชายไม่ค่อยเกิดผลข้างเคียงเท่าไหร่หลังจากฉีด

โครโมโซมก็ยังเกี่ยว

ยีนที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันส่วนใหญ่จะอยู่บนโครโมโซมเอ็กซ์ และผู้หญิงมีโครโมโซมเอ็กซ์ 2 ตัวแต่ผู้ชายมีแค่ตัวเดียว เลยทำให้ผู้ชายได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีนน้อยกว่าเพราะมีตัวทำปฏิกิริยาน้อยกว่าผู้หญิง แต่นั่นก็หมายความว่าระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายก็จะต่ำกว่าด้วย ยังไม่หมดแค่นั้น 80% ของผู้หญิงจะสร้างภูมิคุ้มกันเองโดยอัตโนมัติเวลามีวัคซีนหรือสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในร่างกาย เลยยิ่งทำให้เห็นผลข้างเคียงชัดในทันที

ปริมาณวัคซีนก็มีผล

ผู้ชายจะรับวัคซีนได้มากกว่า เพราะร่างกายของผู้ชายไม่ได้ดูดซึมและเผาผลาญยาต่าง ๆ มากเท่าผู้หญิง เลยทำให้เวลาที่ได้รับยาหรือวัคซีนอะไรเข้าไปจะไม่ได้มีเอฟเฟคที่ชัดเจนและรุนแรง แต่ก็มีวิจัยออกมาบอกว่า 16% ของผู้ชายที่ฉีด Pfizer หรือ BioNtech เข้าไปจะผลิตสเปิร์มได้น้อยลงชั่วคราว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังไงก็ดีกว่าการติดโควิดแน่นอน

รู้อย่างงี้แล้วก็เตรียมตัวให้พร้อมก่อนฉีดวัคซีน COVID 19 กันดีกว่าจะได้ไม่แพนิคจนเกินไป หวังว่าข้อมูลที่เราจัดมาให้ในวันนี้จะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะฉีดหรือไม่ฉีดดี เอาเป็นว่าไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็ขอให้ปลอดภัย ห่างไกลโควิดไปด้วยกัน ก่อนไปขอฝากคำคมไว้สั้น ๆ ว่า "อดีตเป็นไงไม่สำคัญ ปัจจุบันไม่ติด COVID ก็เป็นพอ" ฮ่า ๆ

---

Tough & Tumble

Written by: Nat Saranya

Source: The New York Times , ASRM

---

คุณกำลังอยู่ในกลุ่มเสี่ยงรึเปล่า.. .เสี่ยงโดนเท?!

เคยเป็นมั้ย อยู่ดี ๆ ก็โดนเทแบบไม่รู้ตัว พอถามว่าทำไรผิดก็บอก "เปล่า...เราแค่เข้ากันไม่ได้" แต่รู้หรือไม่ จริง ๆ แล้วอาจมีเหตุผลอะไรมากกว่านั้น มาดูกันดีกว่าว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่ทำให้ผู้หญิงยี้ "ไม่อยากไปต่อ" ที่คุณอาจเคยทำแต่ไม่รู้ตัว

หลงเก่ง

หลงตัวเองนั่นแหละ การอวดนู่นอวดนี่ไม่ได้ทำให้ดูน่าดึงดูดมากขึ้นเลยสักนิด ไม่มีผู้หญิงไหนชอบผู้ชายขี้โม้ เวิ่นเว้ออยู่ตลอดเวลา ยุคนี้คนมีจริงเค้าไม่พูดเยอะ ปล่อยให้เห็นเองจะดีกว่าทำให้ดูน่าค้นหาและน่าประทับใจมากกว่าอีกด้วย เหมือนที่มีคนบอกไว้ว่า "Modest is hottest"

เด็กเลี้ยงแกะ

ชอบโกหก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ เพื่อความสบายใจหรือไม่อยากทะเลาะก็ไม่ควรทั้งนั้น มันทำให้ผู้หญิงรู้สึกว่าคุณไม่จริงใจ เชื่อไรไม่ได้ และถ้าเธอไม่มีความไว้ใจให้คุณแล้วล่ะก็ ความสัมพันธ์คงเป็นเรื่องที่ยากถ้าจะต้องมานั่งระแวงกัน คนส่วนใหญ่เลยเลือกที่จะจบมันดีกว่า

ออกสาว

ไม่มีใครชอบผู้ชายที่นิสัยผู้หญิ๊งผู้หญิง คิดมาก งอนหรือห้ามไปหมดทุกเรื่อง เพราะมันจะทำให้ผู้หญิงรู้สึกเอือมและอยากเท เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ชอบง้อ ชอบเป็นฝ่ายที่ถูกง้อมากกว่า ยิ่งถ้าเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ต้องมามีปัญหากันบ่อย ๆ คุณเตรียมใจไว้ได้เลย ไม่มีใครชอบ Toxic Relationship แน่นอน

"อะไรก็ได้แล้วแต่"

ถ้าคุณชอบพูดว่า "อะไรก็ได้แล้วแต่" บ่อย ๆ นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้โดนเทก็ได้ นี่เป็นเรื่องที่ใครหลายคนมองข้าม และงงว่าทำไมถึงเป็นประเด็น? แต่รู้หรือไม่ว่าการบอกว่าอะไรก็ได้แล้วแต่บ่อย ๆ ทำให้คุณดูไม่มีความเป็นผู้นำ ซึ่งผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ชอบเพราะเธออยากเป็นผู้ตามบ้างมากกว่า อยากเห็นว่าคุณสามารถดูแลเธอได้

กลิ่นตุ ๆ

"เรื่องกลิ่นตัว" ไม่ว่าเพศไหนก็คงอี๋ถ้าคุณตัวเหม็น นอกจากจะไม่น่าดึงดูดและยังไม่มีใครอยากอยู่ใกล้อีกด้วย เพราะฉะนั้นอย่าปล่อยให้กลิ่นมาทำลายความสัมพันธ์ที่กำลังจะไปได้ดี หันมาดูแลตัวเองกันดีกว่า คนตัวหอมยังไงก็น่าอยู่ใกล้และยิ่งเป็นเรื่องกลิ่นผู้หญิงยิ่งให้ความสำคัญมาก ๆ บอกเลยว่าไม่ควรละเลย

ไลค์ไปทั่ว

การกดไลค์รูปผู้หญิงไปทั่วเป็นเรื่องที่ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบทำและคิดว่าไม่เห็นเป็นไร แต่รู้หรือไม่ว่าสำหรับผู้หญิงมันคือเรื่องใหญ่เรื่องนึงเลย ลองคิดว่าคุณกำลังพัฒนาความสัมพันธ์กับใครสักคนและเห็นว่าเค้าให้ความสนใจคนอื่นเต็มไปหมด คุณก็คงไม่ชอบใจเหมือนกัน เรื่องนี้มันก็ง่าย ๆ แค่นี้เลย ทำให้เธอรู้สึกว่าเป็นคนพิเศษเพียงคนเดียวสำหรับคุณจะดีกว่าถ้าคิดอยากจริงจัง

ผิดบท

หากคุณเล่นไม่รู้เวลารับรองว่าความสัมพันธ์ไม่ยืดแน่นอน ครั้งแรกเธอก็คงจะแค่โกรธ แต่คุณคงโดนหักคะแนนในใจไปแล้วเรียบร้อย และถ้าหากคุณยังคงทำตัวหรือพูดจาไม่รู้กาลเทศะต่อไปก็เตรียมตัวเตรียมใจโดนเทได้เลย

รู้แล้วก็จดจำและนำไปใช้ ถ้าไม่อยากโดนเทกลางอากาศจนงงอีกว่าทำไรผิดไปรึเปล่า ความสัมพันธ์เป็นเรื่องละเอียดอ่อนเพราะฉะนั้นคิดทุกครั้งก่อนทำไร เรื่องเล็กของคุณอาจเป็นเรื่องใหญ่ของเธอ หวังว่าโพสต์นี้จะช่วยให้ใครหลาย ๆ คนทำคะแนนจนเอาชนะใจใครสักคนที่กำลังคุยอยู่ได้ ลองเอาไปใช้กันดู รู้แบบนี้ก็เป็นต่อแล้ว

---

Tough & Tumble

Written by: Nat Saranya

---

สงกรานต์ SO SAD สาดน้ำไม่ได้...สาดไรดี?

ลืมไปรึยังว่า 13-15 เมษานี้วันอะไร ห่างหายจากการเล่นน้ำสงกรานต์ไปนาน ปีนี้ก็มาโดนยกเลิกอีกเพราะโควิดระลอกใหม่ระบาดหนัก วัยรุ่นทั่วประเทศคงรู้สึกเสียดายที่อดเล่นน้ำไปอีกปี แต่ไม่เป็นไร ถึงไม่มีสงกรานต์แต่ยังมีอย่างอื่นให้ทำ มาดูกันดีกว่าว่าสงกรานต์ที่ต้องกักตัวอยู่บ้านแบบนี้ สาดน้ำไม่ได้ แล้วสาดไรได้บ้าง...

สาดรูปลงโซเชียล

อยู่บ้านเบื่อ ๆ หันมาแต่งตัว เซตผม ทำคอนเทนต์ลงติ๊กต็อก (TikTok) ไอจี (Instagram) กันดีกว่า หยุดยาวตั้ง 3 วัน ทำได้ตั้งหลายคอนเทนต์ ไม่แน่ทำไปทำมาอาจจะปัง กลายเป็นเน็ตไอดอลชั่วข้ามคืน ยุคนี้ใคร ๆ ก็ดังได้แค่เปรี้ยงเดียว ลองดู! ดีกว่ากักตัวเฉา ๆ อยู่บ้านไม่มีไรทำ

สาดน้ำสงฆ์

อย่าเพิ่งตกใจไป! ไม่ได้บอกให้เดินไปสาดน้ำใส่พระ แต่ให้สรงน้ำพระพุทธรูปที่อยู่ในบ้านนั่นแหละ ถึงเทศกาลสงกรานต์จะไม่ได้จัดแต่ประเพณีสรงน้ำพระยังจัดได้ แค่มีน้ำอบ ดอกไม้ กับถังน้ำพร้อมขันเล็ก ๆ ก็พร้อมเริ่มพิธีแบบอบอุ่นที่บ้านได้แล้ว ได้ทำบุญแถมยังไม่เสี่ยงคิดโควิด

สาดไลค์ สาดแชร์

สงกรานต์นี้คงไม่ได้เจอเพื่อนเพราะต้องกักตัว งั้นก็ถือโอกาสนี้ไลค์รูปแม่งให้หมดเลยละกัน เอาให้หายคิดถึงกันไปเลย หรือเจอไรถูกใจก็แชร์ให้เต็มหน้าฟีดเอาให้เพื่อนรู้ว่ายังสบายดี ยังรอดจากโควิดนะโว้ยยย!

สาดน้ำใส่ตัวเองอย่างบ้าคลั่ง

เล่นกับคนอื่นไม่ได้งั้นเล่นกับตัวเองในห้องน้ำแทนละกัน อยากเปียกแค่ไหนก็จัดไปให้หนำใจ แต่อย่าลืมเอาผ้าเช็ดตัวเข้าไปด้วยล่ะเพราะเล่นเสร็จจะได้อาบน้ำ สระผมให้เรียบร้อยรับรองไม่เป็นหวัดห่างไกลโควิดแน่นอน พร้อมเข้าห้องมากักตัว...เศร้าไม่ไหวงานนี้

สาดเงิน

อยู่บ้านก็ยังรับบทเป็นคน RUN เศรษฐกิจได้ จะเปย์พ่อแม่พี่น้องหรือสั่งของมาเปย์ตัวเองก็เอาเลย หยุดยาวไม่ได้ไปเที่ยวไหนแบบนี้ต้องให้รางวัลตัวเองกับคนรอบข้างกันหน่อย เปย์ครอบครัวช่วงสงกรานต์ก็ถือเป็นการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ไปในตัว ทดแทนบุญคุณพ่อแม่แบบคนรุ่นใหม่ ใครได้ก็แฮปปี้

สาดแอลคนเดียวเฟี้ยว ๆ ไปเลย

ร้านเหล้าปิดแล้วไงใครแคร์ กินอยู่บ้านก็ได้วะ สาดเหล้าเข้าคอพร้อมเปิดเพลงโยกเพลิน ๆ ใครบอกว่าสงกรานต์ปีนี้ต้องเหงา เคยได้ยินเปล่า "คนเดียวก็เฟี้ยวได้" เมาจนอ้วกก็ไม่เป็นไร ห้องน้ำกับที่นอนพร้อม หัวถึงหมอนก็นอนได้เลย ไม่ต้องเมาแล้วขับอีกต่างหาก ลดการเกิดอุบัติเหตุไปในตัว แค่นี้ก็ไม่เหงาละ หรือจะวีดีโอคอลกินเหล้ากับเพื่อนยังได้ ปาร์ตี้ออนไลน์ก็มา..

สาดสไตล์ด้วยเสื้อลายดอก

สงกรานต์ทั้งทีไม่มีเสื้อลายดอกได้ไง มันคือซิกเนเจอร์! ถึงไม่ได้เล่นน้ำแต่อย่างน้อยได้ใส่เสื้อให้เข้ากับเทศกาลก็ยังดี คอสตูมต้องตามกระแสถึงจะปัง...เปลี่ยนลุคแก้เบื่อช่วงวันหยุดยาว แต่งตัวเนี๊ยบไปทำงานมาทั้งปีสลับมาชิลกันบ้างดีกว่า มาดูกันว่าที่ผ่านมามีดาราคนไหนใส่เสื้อลายดอกไปเล่นน้ำกันบ้าง

นี่แค่ส่วนนึงของไอเดียว่าสาดน้ำไม่ได้ งั้นสาดไรดี...ถ้าใครมีไอเดียสาดแบบแปลก ๆ เจ๋ง ๆ อยากแชร์ก็ส่งมาบอกพวกเราได้เลย อดเล่นสงกรานต์ก็ไม่ต้องเสียใจไป เตรียมตัวเตรียมใจไว้เล่นปีหน้าแทนละกันถ้าโควิดหายไป เราคงได้สาดน้ำใส่กันแบบจริง ๆ ตอนนี้ก็กักตัวไปก่อนเพื่อความปลอดภัย ถ้าทุกคนร่วมด้วยช่วยกันป้องกันปีหน้าต้องได้เล่นแน่!

---

Tough & Tumble

Written by: Nat Saranya

อ่อนแอก็แพ้ไป.. ทำไมผู้ชาย ติดโควิดหนักกว่าผู้หญิง?!

รู้หรือไม่ จากการวิจัยทั่วโลกผู้ชายเสียชีวิตจากโควิดเยอะว่าผู้หญิงเกือบเท่าตัว!! เป็นข้อสรุปจากงานวิจัยของ Public Health เดือนเมษาปีก่อน บอกว่าผู้หญิงกับผู้ชายมีโอกาสติดเท่ากันแต่ผู้ชายจะอาการหนักกว่า สาเหตุมีตั้งแต่จากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายไปจนถึงการใช้ชีวิตแบบสุดเหวี่ยง หลาย ๆ ประเทศทั่วโลกตั้งแต่จีนจนถึงยุโรปก็รายงานว่าอัตราการตายของผู้ชายจากเชื้อโควิด 19 สูงกว่าผู้หญิงมากกว่าอย่างไม่น่าเชื่อ นี่อาจเป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่หลาย ๆ คนยังไม่รู้ เพราะงั้นเรามาดูเฉลยกันดีกว่าว่าเพราะอะไรทำไมผู้ชายถึงควรระวังตัวมากกว่าผู้หญิง...

เอนไซม์และระบบภูมิคุ้มกันต่างกัน

งานวิจัยบอกมาว่าผู้ชายมี Angiotensin-converting Enzyme 2 (ACE2) มากกว่าผู้หญิง ซึ่งเอนไซม์ตัวนี้เป็นตัวรับเชื้อโควิดเข้าสู่ร่างกายและทำให้เซลล์ต่าง ๆ อ่อนแอและติดเชื้อ ยิ่งมีมากก็ยิ่งติดง่าย ยิ่งอาการหนัก เพราะแบบนี้ผู้ชายเลยติดโควิดหนักกว่าผู้หญิงมาก แต่ไม่ใช่แค่นั้น เรื่องภูมิคุ้มกันก็มีผล ผู้หญิงจะมีโครโมโซมเอกซ์มากกว่าผู้ชายเลยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายแข็งแรงและตอบสนองต่อการติดเชื้อได้ดีกว่าทำให้อาการไม่รุนแรงเท่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส...อย่าพึ่งดีใจไป

ผู้ชายเป็นเพศที่อ่อนแอกว่า

งงล่ะสิ…ว่าจะเป็นไปได้ไง เพราะผู้ชายถูกปลูกฝังมาตลอดชีวิตว่าตัวเองเป็นเพศที่แข็งแกร่งแต่พอเป็นเรื่องของระบบต่าง ๆ ในร่างกายแล้วล่ะก็…กลายเป็นว่าผู้หญิงเป็นเพศที่แข็งแรงกว่ามาก เรื่องนี้เป็นเพราะกิจกรรมและการใช้ชีวิตประจำวันต่าง ๆ เช่น ผู้ชายส่วนใหญ่จะเป็น "เหล่าสิงห์รมควัน" อัดควันเข้าไปทำร้ายปอดอยู่ตลอดเวลาเลยทำให้ปอดไม่แข็งแรง พอมีการติดเชื้อ อาการก็จะรุนแรงกว่าคนอื่น... และผู้ชายส่วนมากก็ชอบกิจกรรม Outdoor เลยทำให้ได้รับ Air Pollution เข้าปอดและระบบทางเดินหายใจเยอะเลยเสี่ยงที่จะติดเชื้อหนักกว่าผู้หญิง เพราะสภาพภายในร่างกายโดนทำร้ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นอกจากนั้น อัตราการตายของผู้ชายทั่วไปก็สูงกว่าผู้หญิงมาตลอด วัดจาก 9 ใน 10 สาเหตุการตายหลัก ๆ ในอเมริกา ยิ่งพอมีเรื่องโควิด 19 เข้ามา เลยยิ่งทำให้อัตราพุ่งแซงขึ้นไปอีก

เต็มใจใช้ชีวิตเสี่ยง

จากการสำรวจของ Gallup ทำให้เห็นว่าผู้หญิงกังวลกับเรื่องโรคระบาดหนักกว่าผู้ชาย เพราะผู้ชายส่วนใหญ่จะค่อนข้างชิลและมีความดื้ออยู่ในตัว เลยไม่ค่อยสนเรื่องกฎการรักษาระยะห่างเท่าไหร่ มีการสำรวจมาว่าช่วงโควิดระบาดผู้ชายส่วนมากยังออกไปแฮงค์เอาท์กับกลุ่มเพื่อน ไปเล่นกีฬา ยังจับมือทักทายกันปกติในต่างประเทศ เป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่ถึงรู้แต่ก็ทำ เพราะรู้สึกว่าการดูแลหรือใส่ใจเรื่องสุขภาพไม่ใช่หน้าที่หลักของตัวเอง

ไม่รีบไปหาหมอ

มีการพิสูจน์มาแล้วว่าผู้ชายส่วนใหญ่รู้สึกว่าถ้าตัวเองไม่สบายนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องไปหาหมอก็ได้เดี๋ยวก็หาย กว่าจะมาตรวจเจออาการก็อาจจะเข้าขั้นรุนแรงแล้ว บางทีก็ทำให้การรักษามันดีเลย์ออกไปอีก และบางทีผู้ชายก็รู้สึกว่าการไปหาหมอกับเรื่องจุกจิกมันทำให้ตัวเองดูอ่อนแอ ไม่แข็งแรง เพราะถูกสอนมาให้เข้มแข็ง พึ่งพาตัวเองให้ได้ อย่าอ่อนแอกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เลยไม่ค่อยสนใจเวลาไม่สบายเท่าไหร่ไม่ใช่แค่ตอนมีโควิด เลยมีผลสำรวจจากอเมริกาบอกมาว่า "23 เปอร์เซ็นต์ของผู้ชายที่มาตรวจโควิดปรากฏว่าผลเป็นบวก เทียบกับผู้หญิงที่มีแค่ 16 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น มันทำให้เห็นว่าผู้ชายส่วนใหญ่จะไม่ยอมไปตรวจจนกว่าจะมีอาการที่ชัดเจนแบบสุด ๆ"

รู้อย่างงี้แล้วก็คงได้ข้อสรุปแล้วว่าจะทำตัวยังไงในสถานการณ์โควิดเบรคแตกตอนนี้ มีเพื่อนบอกเพื่อน มีพี่บอกพี่ บอกต่อ ๆ กันไปเลยดีกว่า ถึงไม่ใช่ผู้ชายก็ควรระวังไว้ด้วยเช่นกัน เพราะอย่าลืมว่าเพศไหนก็ติดเชื้อโคโรน่าไวรัสได้ถ้าไม่รู้จักป้องกันและดูแลตัวเองให้ดี อย่าลืมล้างมือกันบ่อย ๆ ด้วยเจลอาบน้ำเพื่อความสะอาด STAY SAFE, STAY AWAY FROM COVID 19!!

---

Tough & Tumble

Written by: Nat Saranya
Source: Healthline

---

ล้วงความลับ "ไข่" ผู้ชาย

เชื่อว่าผู้ชายหลาย ๆ คนน่าจะรู้สึกไม่ชอบไข่ตัวเองที่สุดในบรรดาอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย เพราะนอกจากมันจะหน้าตาไม่ดึงดูด ยังเป็นต้นเหตุของความเจ็บปวดรวดร้าวเวลาเกิดอุบัติเหตุตรงนั้นอีก แต่รู้หรือไม่ว่าไข่สำคัญมากกกกกกก…เพราะมันผลิตและดูแลสเปิร์มไว้เป็นอย่างดีไม่ให้มีอันตราย แล้วก็ไม่ต้องงงที่ไข่สองข้างสูงต่ำไม่เท่ากัน มันไม่ใช่เรื่องแปลก! เพราะปกติทั่วไปไข่ข้างขวาจะใหญ่กว่าข้างซ้าย และข้างซ้ายจะอยู่ต่ำกว่าข้างขวา บอกเลยว่านี่แค่น้ำจิ้ม ยังมี Fact ว้าว ๆ อีกเพียบที่ผู้ชายควรรู้ พร้อมรึยังที่จะไปเปิดโลกเรื่องไข่ด้วยกัน ไปเริ่มกันเลย!

ผู้ชายมีไข่มากกว่า 2 ข้างได้

ปกติทั่วไปผู้ชายจะมีไข่แค่ 2 ข้างแต่มันก็เป็นไปได้ที่บางคนจะมีมากกว่านั้น จากเรคคอร์ดเคยมีคนมีไข่ถึง 5 ลูก แต่โอกาสที่จะเกิดมันน้อยและหายากมากกกกกก แค่ประมาณ 100 เคสบนโลก และปกติที่ตรวจเจอจะเป็นตอนอายุ 18 แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบกับการมีลูกรึเปล่า

แล้วอะไรมีผลต่อการมีลูกบ้าง

คนส่วนใหญ่อาจจะคิดว่าแค่ไข่สะอาดล้างด้วยเจลอาบน้ำก็พอแล้ว แต่จริง ๆ ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตก็มีผล ถ้าคุณกังวลเรื่องการมีลูกมาก ๆ ก็ควรเริ่มที่จะห้ามตัวเองกินเหล้า สูบบุหรี่ และกินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระได้แล้ว เพราะการกินแอลกอฮอล์จะลดฮอร์โมนเพศชาย ลดการผลิตสเปิร์ม และอาจทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลงอีกต่างหาก การสูบบุหรี่ อ้วน เครียด ก็ส่งผลกับความสามารถในการมีลูก รวมถึง Activity ที่ทำให้ไข่ร้อน เช่น ปั่นจักรยาน หรือเข้าซาวน่าบ่อย ๆ ก็ทำให้สเปิร์มลดลงได้เหมือนกัน

รู้หรือไม่ ไข่ขยับเองได้

ไม่ต้องตกใจ มันเป็นเรื่องปกติ! การที่ไข่ขยับเป็นเพราะการไหลเวียนของเลือด อัณฑะคนเราเซนซิทีฟกับอากาศมาก ๆ ยิ่งกว่าตอนผู้หญิงเป็นเมนส์ซะอีก กล้ามเนื้อเลยขยับมันเพื่อให้รู้สึกสบายที่สุด และตอนมีเซ็กซ์ กล้ามเนื้อก็จะขยับให้ไข่เข้ามาใกล้ตัวและขึ้นไปด้านบนเพื่อช่วยให้หลั่งได้ดียิ่งขึ้น แล้วถ้าคุณอยากลองเทสต์การทำงานของกล้ามเนื้อตรงอัณฑะ ลองตีต้นขาด้านในดู จะเห็นรีแอคชั่นว่ากล้ามเนื้อขยับไข่เพื่อหนีอันตราย แล้วค่อยกลับมารีแล็กซ์ตอนไม่อันตรายแล้ว

ทำไมไข่อยู่นอกร่างกาย

ยังไม่มีอะไรการันตีได้ว่าทำไมอัณฑะถึงต้องอยู่นอกร่างกาย แต่เค้าว่ากันว่าเพราะมันต้องอยู่ในอุณหภูมิที่ต่ำกว่าร่างกายประมาณ 2 - 3 องศา ด้วยวิจัยจาก University of Albany บอกว่าที่ไข่ต้องอยู่ในอุณหภูมิต่ำเท่านั้นเพราะว่าต้องทำให้สเปิร์มอยู่ได้นานที่สุด เพราะถ้านักว่ายน้ำพวกนี้ออกมาข้างนอกแล้วมันจะมีอายุสั้นมาก

ถ้าเทียบกับสัตว์หลาย ๆ ชนิดคนถือว่ามีอัณฑะเล็กที่สุด

เรื่องนี้เรียกได้ว่าเป็นหัวข้อที่ฮอตมากในการทำวิจัย พอเปรียบเทียบไข่ผู้ชายกับสัตว์ตัวผู้หลาย ๆ ชนิดกลายเป็นว่าผู้ชายไข่เล็กมากถ้าเทียบกับขนาดตัว สัตว์แทบทุกชนิดตั้งแต่ลิงชิมแปนซีจนถึงแมลงจะมีไข่ใหญ่ขึ้นเวลาที่ตัวเมียมีคู่มากกว่า 1 ตัว เพื่อใช้แข่งกันแย่งตัวเมีย และยิ่งอัณฑะใหญ่ก็จะยิ่งสเปิร์มเยอะ

ไข่จะใหญ่ขึ้นตอนมีเซ็กซ์

เวลาที่น้องชายตื่นตัว เลือดจะสูบฉีดพลุ่งพล่านไปจนถึงอัณฑะ ทำให้มันใหญ่ขึ้นได้ถึง 50% หรือมากกว่านั้น.. แต่ถ้าไข่ของคุณใหญ่ขึ้นหรือเล็กลงตอนอื่นที่ไม่ใช่เวลามีเซ็กซ์ แนะนำให้รีบไปปรึกษาหมอดีกว่า

เช็คมะเร็งได้

ผู้ชาย 1 ใน 270 คน มีโอกาสเป็นมะเร็งอัณฑะสูง ส่วนใหญ่ที่ตรวจเจอจะเป็นช่วงวัยรุ่นถึงวัยกลางคนแต่รักษาหายขาดหมดถ้าตรวจเจอตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะฉะนั้นต้องคอยเช็คตัวเองอย่างน้อยเดือนละครั้งเวลาอาบน้ำว่ารู้สึกเจ็บ ๆ น้องบ้างรึเปล่า ถ้ามีตรงไหนเป็นก้อน ขนาดหรือรูปร่างแปลกไป ก็รีบไปหาหมอเถอะ ปล่อยไว้ไม่ดีแน่

อ่านจบลองไปสังเกตตัวเองดูว่าเป็นแบบนี้จริงมั้ย ว้าวววววไม่ไหว…เรื่องทั่วไปที่คนส่วนใหญ่อาจไม่รู้ และไม่ค่อยมีคนพูดถึงแต่วันนี้ Tough & Tumble สรุปมาไว้ให้อ่านกันแล้วกับเรื่องแมน ๆ ที่ผู้ชายควรรู้ จดจำและนำไปเช็ค…กับเรื่องไข่ ๆ ที่รู้ไว้ดีกว่าไม่รู้

---

Tough & Tumble

Written by: Nat Saranya
Source: Men’s Journal

---