fbq('track', 'ViewContent');

Viewing entries in
Controversy

ลาทีถุงพลาสติก.. เทคโนโลยีสุดล้ำในการไต่สวนผู้ต้องหา แบบว่าไม่ต้องทรมานกัน

Comment

ลาทีถุงพลาสติก.. เทคโนโลยีสุดล้ำในการไต่สวนผู้ต้องหา แบบว่าไม่ต้องทรมานกัน

เมื่อโลกเริ่มอยู่ยาก โดนจับก็โดนทำร้าย..จนถึงขั้นตายด้วยถุงดำครอบหัว ถึงเวลาของการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย.. จับเท็จอย่างโปร่งใส ไม่ต้องใช้ความรุนแรง บนโลกนี้มีเทคโนโลยีอยู่มากมายที่สามารถใช้ในการสอบปากคำ เพื่อวิเคราะห์คำให้การว่าผู้ต้องสงสัยเหล่านั้นกำลังพูดจริงอยู่หรือไม่ นอกจากจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้พยานหลักฐานแล้ว ยังช่วยปิดคดีได้รวดเร็วขึ้นอีกด้วย แล้วเทคโนโลยีที่ว่ามานี้มีอะไรบ้าง.. ตามไปดูกันเลย

เครื่องจับรูม่านตา (Eye Detect)

หลายคนอาจคิดว่ามีแค่ในหนังเท่านั้น.. แต่เปล่าเลย! มันมีอยู่จริงในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยการจับเท็จที่ว่านี้.. เป็นการจับผ่านความเคลื่อนไหวของลูกตา การขยายตัวของรูม่านตา และเวลาในการตอบสนองต่อแต่ละคำถาม โดยจะให้ผู้ต้องสงสัยนั่งตอบคำถามหน้าคอมพิวเตอร์ ที่มีกล้องคอยบันทึกดวงตา ใบหน้า และความเคลื่อนไหวต่างๆอยู่ตลอดเวลา เป็นระยะเวลาประมาณ 30 - 50 นาที เพื่อสังเกตแพทเทิร์นและรีแอคชั่นต่างๆ แล้วนำมาสรุปประกอบคำให้การว่ากำลังโกหกอยู่หรือไม่

Close-up-of-a-mans-eye-with-iris-biometric-id-points.jpeg

กระจกเงาหลอก (Two-way Mirror)

เป็นเทคโนโลยีที่หลายคนอาจเคยเห็นบ่อยในหนังแอคชั่น ที่มีกระจกบานใหญ่อยู่ในห้องไต่สวน และกระจกบานนั้นสามารถมองทะลุเข้าไปในห้องได้จากฝั่งตำรวจ เอาไว้เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรม ท่าทางของผู้ต้องสงสัยแบบไม่ทันระวังตัว โดยจะวิเคราะห์ตั้งแต่การหลบตา ความติดขัดเวลาพูด การเคลื่อนไหวของมือและเท้า เพราะคนเราเวลาโกหกมักจะไม่กล้าสบตา สั่นขา หรือเกาจมูกบ่อยๆ ท่าทางการแสดงออกเลยเป็นอีกหนึ่งวิธีที่หลายๆประเทศเลือกใช้ในการวิเคราะห์คำให้การ

acrylic-two-way-mirror.jpeg

เครื่องอ่านการเน้นเสียง (Voice Stress Analysis)

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ.. ว่าเทคโนโลยีจับโกหกสมัยนี้ล้ำหน้าไปมากกกก การจับเท็จผ่านน้ำเสียงก็มีแล้วล่าสุด มันคือ การวิเคราะห์ระดับสูง-ต่ำ และความถี่ของเสียง อาจฟังดูเป็นเรื่องซับซ้อน ไกลตัว ให้คุณลองจินตนาการง่ายๆว่า เวลาคุณถามคำถามใครสักคน แล้วเค้าคนนั้นตอบกลับด้วยน้ำเสียงสูงผิดปกติ นั่นก็คือการจับผิดผ่านเสียงอย่างหนึ่งแล้ว แต่เทคโนโลยีในการไต่สวนนั้นซับซ้อนกว่ามาก และยังสามารถตรวจสอบคลื่นความถี่ผ่านการคุยโทรศัพท์เฉยๆได้อีกด้วย นี่เลยทำให้มันกลายเป็นเทคโนโลยีที่ฮอตมากในวงการธนาคารและบริษัทประกัน

ai-voices-vs-human-voices-1-1.jpeg

เครื่องวัดชีพจร (Polygraph)

ภายนอกอาจจะโกหกได้ แต่ภายในพูดเลยว่า.. ยาก! เพราะคนปกติทั่วไปหัวใจจะเต้นเร็วขึ้นถ้าโกหกหรือรู้สึกตื่นเต้น ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายคนไม่สามารถควบคุมได้ เลยทำให้เทคโนโลยีนี้ถูกใช้ในการหาข้อเท็จจริง โดยจะวัดตั้งแต่ความดัน ชีพจร ไปจนถึงอัตราการหายใจ โดยใส่เครื่องวัดไว้ที่แขน นิ้ว และหน้าอกตลอดการสอบสวน

snowden.jpeg

เครื่องวัดคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG)

เทคโนโลยีสุดล้ำนี้ไม่ได้มีแค่ใน เอ็กซ์ เมน.. แต่ในชีวิตจริงมันเป็นการตรวจการทำงานของเซลล์ประสาทสมองโดยดูจากการเปลี่ยนแปลงทางไฟฟ้า โดยผู้ต้องสงสัยจะถูกแปะเครื่องวัดไว้บนหนังศีรษะระหว่างการไต่สวน.. เครื่องจะไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดใดๆ และจะให้ผู้ต้องสงสัยเล่าเรื่องราว ข้อมูลที่รู้ทั้งหมดเกี่ยวกับคดี รวมทั้งตอบคำถาม และดูรูปภาพจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย เพื่อสังเกตความเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าจากรีแอคชั่น เพื่อนำมาสรุปข้อเท็จจริงต่อไป แต่ความน่าเชื่อถือของเทคโนโลยีนี้ยังถือว่าต่ำมาก.. เนื่องจากมีงานวิจัยรองรับค่อนข้างน้อย

อหหห... เพียบเลยจริงมั้ยกับเทคโนโลยีล้ำๆในการสืบสวนสอบสวน.. ต่างประเทศเค้าใช้กัน ควรต้องถึงเวลาของไทยแลนด์! หันมาใช้วิธีที่ปลอดภัย.. และมีความเป็นลูกผู้ชายมากกว่ากันเถอะ.. เพราะทัฟแอนด์ทัมเบิล STAND FOR MEN THAT DO THE RIGHT THING!


Written by: Nat Saranya

Source: Policing Project, Wikipedia


Comment

ทิ้งทวนกันหน่อย.. ส่องทรงผมชายสุดปัง ในกีฬาโอลิมปิก 2020

Comment

ทิ้งทวนกันหน่อย.. ส่องทรงผมชายสุดปัง ในกีฬาโอลิมปิก 2020

บรรยากาศการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค 2020 ที่โตเกียวกำลังดุเดือดมากในตอนนี้ เชื่อว่าหลายคนคงกำลังเชียร์พร้อมเอาใจช่วยนักกีฬาที่ตัวเองชื่นชอบกันอยู่ ทัฟแอนด์ทัมเบิลก็เหมือนกัน แต่ไม่เพียงแค่เชียร์กีฬาเท่านั้น เพราะเรายังแอบส่องทรงผมฮอต ๆ ของเหล่านักกีฬาแต่ละประเทศด้วยมาให้ดูกันอีกด้วย ถ้าอยากรู้ว่ามีทรงผมของใครน่าสนใจบ้าง ก็ตามไปดูกันได้เลยยยย!

1.อันเดอร์คัต

ไดยา เซโตะ (Daiya Seto)

เริ่มที่ฝั่งเอเชียกันก่อน จะไม่พูดถึงคนนี้คงไม่ได้ เพราะมีกระแสมาตั้งแต่โอลิมปิคปี 2018 กับนักกีฬาว่ายน้ำชายทีมชาติญี่ปุ่น ที่มีหน้าตาและความสามารถอันโดดเด่น คว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2018 มาไว้ได้ ถึงแม้ว่าโอลิมปิคปีนี้เค้าจะไม่ชนะแต่เชื่อว่าคงได้ใจสาว ๆ ไปเต็มๆกับทรงผม "อันเดอร์คัต" ของเค้า ที่ตัดสั้นเน้นไถข้างแบบรองหวี และซอยไล่ระดับมาด้านหน้า ให้ความยาวหน้าม้าอยู่กึ่งกลางหน้าผาก แค่นี้ก็หล่อกระชากใจสาวๆแล้ว

Daiya-Seto.jpeg

2.คอมม่า

เอดดี้ หวัง (Eddie Wang)

ยังคงอยู่ที่นักกีฬาว่ายน้ำจากฝั่งเอเชีย เขยิบเข้ามาใกล้อีกหน่อยกับประเทศใต้หวัน ที่มาพร้อมกับทรงผมยอดฮิตที่กำลังมาแรงสุดๆในตอนนี้ "ทรงคอมม่า" จากประเทศเกาหลี ที่ม้วนผมหน้าม้าให้งุ้มเข้ามา แล้วเซตด้วยแวกซ์แหวกเปิดหน้าผากเล็กน้อย บอกเลยใครอยากละมุนต้องจัดทรงนี้

Screen Shot 2564-07-29 at 16.13.55.png

3.ครูว์คัต

ราย แมคคลานาแกน (Rhys McClenaghan)

ย้ายมาที่ฝั่งยุโรปกันบ้าง กับนักยิมนาสติกทีมชาติไอร์แลนด์ที่มาในลุคเด็กหนุ่มผมสั้นกับทรง "ครูว์คัต" เป็นทรงที่เน้นตัดด้านข้างให้สั้นสุด ไถไล่ไปถึงหนังหัว ส่วนด้านบนใช้แบตตาเลี่ยนไถให้ได้ความยาวตามที่ชอบ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 1"-2" โดยประมาณ

Screen Shot 2564-07-29 at 14.39.59.png

4.มัลเล็ต หรือ รากไทร

คาเมรอน สมิธ (Cameron Smith)

มาถึงทรงผมที่เรียกรอยยิ้มให้กับผู้คนที่พบเห็นได้มากที่สุดกันบ้าง กับ "ทรงมัลเล็ต" หรือรากไทร ของนักกอล์ฟชาวออสเตรเลีย ที่ต้องการสื่อถึงความภูมิใจของเขาที่ได้รับเลือกเป็นตัวแทนประเทศในการแข่งขันกีฬาครั้งนี้ โดยการไถผมด้านข้างเป็นคำว่า AUS ซึ่งก็คืออักษรย่อของประเทศออสเตรเลียนั่นเอง ผมทรงนี้ทำให้ครอบครัวของเขาและผู้ที่ผ่านมาเห็นบนโซเชียลต่างพากันยิ้มและชื่นชม เพราะสัมผัสได้ถึงความทุ่มเทและภาคภูมิใจที่คาเมรอน สมิธมี

b6a88955625bc3e96b735b4465a4c313f87a4197-16x9-x1y0w1278h719.jpeg

5.ลูกศรฟ้า

ไครัน แบดโล (Kiran Badloe)

ถ้าพูดถึงเรื่องทรงผมก็คงจะพลาดคนนี้ไปไม่ได้ในปีนี้ กับนักวินด์เซิร์ฟทีมชาติเนเธอแลนด์ ที่มาพร้อมทรงสุดแหวกคาดไม่ถึง กับ "ทรงลูกศรสีฟ้า" ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากตัวการ์ตูนเรื่องมหาศึก 4 ธาตุ จอมราชันย์ (The Last Air Bender) ผู้ควบคุมลม โดยไครันได้บอกไว้ว่า "หวังว่าจิตวิญญาณของตัวละครตัวนี้จะช่วยให้เขาร่องเรือและควบคุมลมได้อย่างดีในการแข่งขัน และเขาก็ฝันว่าสักวันเขาจะเป็นมาสเตอร์ด้านการควบคุมลมเหมือนกัน"

mwv67kspoyc71.jpeg

6.เดทร็อค

เจรามี่ แกรนท์ (Jerami Grant)

แน่นอนว่ามีทรงเบสิคไปแล้วก็ต้องมีทรงฮิปๆ นี่เลย! "ทรงเดทร็อค" ของนักบาสเกตบอลทีมชาติอเมริกา กับการตัดสั้นไล่ระดับพร้อมถักเดทร็อคทั้งหัว แถมยังเพิ่มลูกเล่นเข้าไปอีกด้วยการใส่เฮดแบนด์ตลอดการแข่งขัน ทำให้ผมกับแฟชั่นของเขาเข้ากันสุดๆ ใครอยากชิคก็ลองดูสักตั้ง! รับรองว่าตัดแล้วจะไม่เสียใจ

E58t4EuXEAAoCfW.jpeg

หนำใจมั้ยกับทรงผมของเหล่านักกีฬาโอลิมปิกชาย 2020 ที่เรารวบรวมมาให้จากแทบทั่วทุกทวีป มีทั้งทรงปัง ๆ และทรงฮา ๆ ถ้าใครคิดว่าเหล่านี้เป็นไอเดียที่ดี ก็อย่ารอช้า แคปไปตัดตามกันเลยยย.. ได้ลุคหนุ่มนักกีฬาสายสปอร์ต!


Written by: Nat Saranya

T&T_Banner Ad-14.jpg

Comment

ฮาว-ทู-สตรอง ..สตรองยังงัยในยุคโควิด!

Comment

ฮาว-ทู-สตรอง ..สตรองยังงัยในยุคโควิด!

เชื่อว่าผู้อ่านหลายท่านก็คงนอย, เพลีย กับสถานการณ์โควิดบ้านเราเวลานี้.. หนำซ้ำตามสถิติ ชี้ว่าผู้ชายมีโอกาสป่วยหรือตายเพราะติดโควิดมากกว่าผู้หญิงถึง 2 เท่า นี่ไม่ใช่เรื่องโกหก.. มีงานวิจัยออกมายืนยันแล้วว่าสาเหตุหลัก ๆ มาจากชีวภาพในร่างกายและนิสัยที่ต่างกันของผู้ชายและผู้หญิงที่ทำให้ผู้ชายมีความเสี่ยงสูงกว่า แต่ถึงอย่างงั้น คุณก็คงเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนและพันธุกรรมของตัวเองไม่ได้ แต่สิ่งที่คุณทำได้คือการเปลี่ยนนิสัยและวิธีดูแลตัวเองให้สตรองงงง พร้อมสู้กับไวรัส!


เสพข่าวให้น้อยลง ป้องกันให้มากขึ้น

ข้อมูลเป็นสาระที่ดี เป็นเมื่อใดที่การรับรู้ข้อมูลมากเกินไป จะส่งผลให้เกิดความเครียดที่ไม่จำเป็น.. ให้คิดซะว่าทุกคนบนท้องถนน ติดโควิดหมดแล้วเรียบร้อย แล้วคุณจะป้องกันตัวเองยังไงถ้าต้องออกไปเจอกับผู้คนเหล่านี้ ก็ให้เริ่มปฏิบัติตัวแบบนั้นเลย เพราะยอดติดเชื้อพุ่งขึ้นทุกวัน.. ไม่มีลด การเสพข่าวเยอะ ๆ อาจทำให้เครียดมากไปเปล่า ๆ หันมาป้องกันตัวเองให้ดีที่สุดกันดีกว่า เป็นการแบ่งเบาภาระแพทย์ไปในตัว

How_to_Be_Deliberate_About_Consuming_Coronavirus_News_300_200_int_c1-1x.jpg
5160.jpg

ว่าบ่อยแล้ว.. ต้องล้างบ่อยกว่าเดิม

งานวิจัยโชว์ว่าผู้ชายทั่วโลกล้างมือไม่บ่อยเท่าผู้หญิง เช่น ในประเทศเกาหลีใต้มีแค่ 34%ของนักเรียนชายที่ล้างมือ 5 ครั้งต่อวัน ในขณะที่มีนักเรียนหญิงมีมากถึง 57% และในอเมริกา 56% ของผู้หญิงล้างมือด้วยสบู่ แต่ผู้ชายกับมีแค่ 29% ส่วนในประเทศอังกฤษผู้ชาย 1 ใน 6 คนไม่ล้างมือหลังทำธุระเสร็จ! นี่เลยเป็นสาเหตุว่าทำไมผู้ชายส่วนใหญ่ถึงติดโควิดง่ายกว่าผู้หญิง เพราะฉะนั้นล้างมือด้วยสบู่ซะ อย่างน้อย 20 วินาที หรือเท่าการร้องเพลง happy birthday 2 รอบ


กินแต่ของปรุงสุก

ถึงแม้ว่าตอนนี้ต้องสั่งอาหารมากินที่บ้านเท่านั้น ก็ต้องสั่งแต่อาหารที่ปรุงสุกเพื่อป้องกันเชื้อไวรัสที่อาจปนเปื้อน และไม่ควรสั่งเกินพอดี เพราะต่อให้คุณจะอยากซัพพอร์ตร้านอาหาต่าง ๆ มากแค่ไหน ก็ควรซื้อไว้แค่พอกิน เพราะร่างกายของคุณใช้พลังงานน้อยลง การกินเยอะจนเกินไปหรือกินแก้เบื่อจะทำให้คุณอ้วนและอาจมีปัญหาสุขภาพตามมาในอนาคตอันใกล้

diet-plan-beginners-1571636522.jpg

พักเรื่องแอลกอฮอล์ไว้ก่อน

การดื่มแอลกอฮอล์มากจนเกินไปทำให้เสี่ยงเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และการชวนคนอื่นมาสังสรรค์ที่บ้านก็ไม่ต่างจากการเพิ่มความเสี่ยงให้ตัวเอง เพราะฉะนั้น พักก่อนถ้าไม่อยากติด!


หยุดเป็นสิงห์รมควัน

WHO ออกมาบอกแล้วว่าการสูบบุหรี่จะทำให้อาการทรุดหนักหากติดโควิด 19 และจากงานวิจัยของหลาย ๆ ประเทศพบว่าผู้ชายสูบบุหรี่มากกว่าผู้หญิง เช่น ในประเทศจีน 46% ของผู้ชายสูบบุหรี่ ในขณะที่ผู้หญิงมีเพียง 1% เท่านั้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น.. เชื่อว่าผู้ชายหลายคนต่างรู้ดีอยู่แล้วว่าบุหรี่ไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ถ้ามันเพิ่มความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสไปด้วยล่ะ อาจถึงเวลาอันสมควรที่จะหยุดสูบบุหรี่

Marijuana-Joint-GETTY-1.jpg

ออกกำลังกายบ้างก็ดี

ล็อกดาวน์ครั้งนี้ก็ยังมีหลายอย่างที่เปิด เพื่อให้คุณได้ออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านบ้าง เพราะงั้นลองหากิจกรรมอะไรทำที่จะช่วยให้คุณได้ออกกำลังกายและบริหารกล้ามเนื้อสักหน่อย เช่น การออกไปตีกอล์ฟ เล่นเทนนิส หรือทำกิจกรรมกับเพื่อนสักอย่าง ที่ยังสามารถรักษาระยะห่างได้ หรือจะเปิด Youtube แล้วฟิตหุ่นอยู่บ้านก็ไม่ว่ากัน อย่างน้อย ๆ แค่คุณได้ใช้ร่างกายบ้างก็ยังดี

สุขภาพจิตก็สำคัญ

ยิ่งกักตัวก็ยิ่งเครียด ยิ่งเครียดสุขภาพก็ยิ่งแย่ เพราะงั้นคุณควรที่จะหาวิธีปล่อยวาง ถึงแม้ว่า 52% ของผู้ชายส่วนใหญ่จะไม่ชอบพูดเรื่องความรู้สึกของตัวเอง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องซ่อนมันเอาไว้เสมอไป ลองเปิดใจเล่าให้เพื่อน คนที่คุณรัก หรือจิตแพทย์ฟังบ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ยิ่งในวิกฤตการณ์แบบนี้สุขภาพจิตยิ่งเป็นสิ่งสำคัญ หมั่นใส่ใจมันและเล่าให้คนอื่นฟังบ้าง ไม่ต้องอาย! จะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ปรึกษากันได้เป็นเรื่องปกติ

AdobeStock_199101051resize.jpg

หวังว่านี่จะช่วยให้เหล่าเพื่อนพ้องผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกันอย่างปลอดภัย อย่าลืมว่าสุขภาพและกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ Stay Strong สู้! เราต้องรอดไปด้วยกัน


Written by: Nat Saranya

Source: beezeebodies


T&T_Banner Ad-02.jpg

Comment

กว่าจะมาเป็นนักดับเพลิง.. ไม่ใช่เรื่องง่าย!

Comment

กว่าจะมาเป็นนักดับเพลิง.. ไม่ใช่เรื่องง่าย!

จากเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ล่าสุด ทุกคนคงได้เห็นกันแล้วว่า.. "นักดับเพลิง" นั้นสำคัญแค่ไหน เป็นอาชีพที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ อดหลับอดนอน เพื่อเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือผู้คน เรียกได้ว่าเป็นฮีโร่ของเหตุการณ์ที่ผ่านมาเลยก็ว่าได้ แต่รู้หรือไม่ว่า.. กว่าจะมาเป็นนักดับเพลิงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านการทดสอบ และการเทรนด์มากมายก่อนได้ลงสนามจริง วันนี้เราเลยจะพาไปดูกันว่ากว่าจะมาเป็นนักดับเพลิงได้นั้นต้องผ่านด่านคัดเลือกอะไรบ้าง

1. สอบข้อเขียน

สเต็ปแรกของการคัดเลือก คือ ต้องสอบขอเขียนเข้าเป็นพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยให้ผ่านก่อน ไม่ว่าจะเรียนจบจากสายไหนก็สามารถสอบได้หมด ขอแค่มีร่างกายที่แข็งแรง พร้อมเรียนรู้และรับมือกับทุกสถานการณ์ไม่คาดคิด โดยการสอบจะแบ่งออกเป็น 3 พาร์ท พาร์ทแรกสุดเรียกว่า ภาค ก. คือการสอบข้อเขียนเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไปเกี่ยวกับตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นความรู้เรื่องการป้องกันไฟ การจัดการวัสดุอันตราย การใช้งานเครื่องจักร หรือโครงสร้างอาคารต่าง ๆ หลังจากสอบภาค ก. ผ่านแล้วถึงจะได้ผ่านไปขั้นตอนต่อไป

59e090f53d07fe392915423ce6ab5567.jpeg

2. ทดสอบร่างกาย

เป็นขั้นทดสอบความแข็งแรงของร่างกาย โดยจะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 6 ฐาน ได้แก่ การวิ่ง 1,000 เมตร ภายใน 5 นาที ว่ายน้ำ 50 เมตร ภายใน 1.30 นาที ดันพื้น 20 ครั้ง ดึงข้อ 5 ครั้ง แบกตุ๊กตา 50 กิโลกรัม ปีนขึ้นลงบันไดสูง 2 เมตร ภายใน 40 วินาที และสุดท้ายคือการผลักบันไดดับเพลิง ผู้สมัครสอบทั้งผู้ชายและผู้หญิงจะต้องผ่านการทดสอบเกณฑ์นี้เหมือนกันหมด ไม่มีข้อยกเว้น

c1187667c710a5c3c26b85f621c4e92e.jpeg

3. สอบสัมภาษณ์

ด่านนี้เป็นการทดสอบจิตวิทยา วัดปฏิภาณไหวพริบและความสามารถในการตัดสินใจเมื่อแบกรับสถานการณ์เลวร้ายภายใต้ความกดดัน เพราะเป็นงานที่ต้องแข่งขันกับเวลาและความเป็นความตายของผู้คน จึงไม่ใช่ทุกคนที่จะผ่านขั้นตอนนี้ได้ เพราะฉะนั้นคนที่จะมาทำตำแหน่งนี้จึงต้องมีทักษะการคิดวิเคราะห์ แยกแยะ และตัดสินใจได้รวดเร็ว เด็ดขาด อย่างมีเหตุและผล เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและผู้ประสบภัย

5b3adfe17e43e24cf884a47bbe989b5d.jpeg

4. เทรนด์ร่างกาย

หลังจากผ่านการทดสอบทั้ง 3 ขั้นตอนแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะได้ลงสนามเลย ยังต้องเข้ารับการฝึกเพื่อเป็นพนักงานดับเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย โดยการเทรนด์เป็นอย่างต่ำ 10 - 24 สัปดาห์ เป็นการฝึกเพื่อปรับสภาพร่างกาย และจิตใจให้พร้อม เพื่อที่จะกู้ภัย และใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างถูกวิธี

4a2c17e9fec110f6e5ec97fa3f00d495.jpeg

5. ประจำที่สถานีดับเพลิง

เมื่อได้รับการเทรนด์จนครบหลักสูตรแล้ว พนักงานดับเพลิงใหม่ยังคงต้องประจำการที่สถานีก่อน ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปปฏิบัติงานนอกสถานที่ จนกว่าจะได้รับการประเมินว่าร่างกายและจิตใจพร้อมแล้วถึงจะได้ลงสนามอย่างเต็มตัว

556826cbbb1c6f3b1f7bcf8d48dc5cce.jpeg

รู้อย่างงี้แล้ว.. รับรู้ได้ถึงความทุ่มเทของเหล่านักกู้ภัยหรือยัง ว่ากว่าจะมาช่วยเหลือสังคมได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านขั้นตอนมากมายให้ได้มาเป็นตัวแทนช่วยเหลือสังคมอยู่ตรงนี้ ช่างเป็นอาชีพที่น่านับถือจริง ๆ หวังว่าต่อไปผู้คนจะให้สนใจและให้ความสำคัญกับอาชีพนี้กันมากขึ้น เพราะเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่เสียสละมาก ๆ ในวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย


T&T_Banner Ad-14.jpg

Comment

ทำไมผู้ชายถึงควรเทตังค์ลงทุนในคริปโต (Cryto) มากกว่ากับสาว ๆ?

Comment

ทำไมผู้ชายถึงควรเทตังค์ลงทุนในคริปโต (Cryto) มากกว่ากับสาว ๆ?

ต้องยอมรับว่าสกุลเงินดิจิทัลคริปโตเคอเรนซี่ (Cryptocurrency) กลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงหนักมากกกกกกในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะบิทคอยน์ (Bitcoin) และด็อกคอยน์ (Dogecoin) ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลหรือเงินแห่งอนาคตที่กำลังมาแรงสุด ๆ เรียกได้ว่าเป็นความหวังใหม่ในการทำธุรกรรมต่าง ๆ เพื่อใช้ซื้อสินค้าและบริการ ซึ่งอาจจะมาแทนที่แบงก์กับเหรียญที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ และด้วยความผันผวนของสกุลเงินนี้เลยมีคนซื้อขายเพื่อเอากำไรเยอะมากกกก แต่จริง ๆ แล้วเจ้าสกุลเงินนี้มันน่าสนใจจริงมั้ย และทำไมถึงควรลงทุนกับมัน เอาตังค์ไปเปย์สาวดีกว่ารึเปล่า วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยพวกนี้กันว่าคริปโตมันดียังไง ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงเทเงินหมดหน้าตักไปกับมัน

คริปโตส่วนใหญ่มีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อย ๆ

ถ้าเทียบราคาปัจจุบันกับแต่ก่อนตอนคนยังไม่ให้ความสนใจเท่าไหร่.. จะเห็นได้ชัดเลยว่าราคาคริปโตมาไกลมาก และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นไปอีกในอนาคต เท่ากับว่าต่อให้คุณถือเหรียญเท่าเดิมแต่อาจจะมีเงินมากขึ้น

4f49bf48-d33b-454c-b762-434c13bb4d00.jpeg

ไม่ถูกควบคุม

ไม่ได้โดนควบคุมโดยหน่วยงานไหน ไม่ว่าจะรัฐหรือเอกชน ต่อให้คุณเป็นคนผลิตเหรียญนั้นขึ้นมาเองก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุด เห็นได้ชัดจากเคสของ Markus (ผู้สร้างด็อกคอยน์) ที่เทขายคริปโตของตัวเองไปตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งมันมีค่าเพียงแค่พอซื้อรถ Honda Civic มือสองเท่านั้น และตอนนี้เค้าก็ใช้ชีวิตปกติ ไม่ได้เป็นมหาเศรษฐีพันล้าน

billy-markus-doge-coin-1.jpeg

ไม่เสียค่าธรรมเนียม

การลงทุนในตลาดบิทคอยน์ หรือทำธุรกรรมใด ๆ จะไม่เสียค่าธรรมเนียมหรือเสียน้อยมาก ๆ ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์ที่คุณเลือกเทรด

200326000321-underscored-zero-percent-interest-rate-0-apr.jpeg

ไม่เสียใจ

อย่างน้อยคริปโตก็ไม่สามารถหักอกคุณได้เหมือนสาว ๆ แน่นอน การลงทุนอาจจะมีเจ็บช้ำกันบ้างจากการขาดทุน แต่มันจะไม่มีวันปล่อยคุณไว้เพียงลำพังถ้าคุณไม่ขายมันเพราะทนติดดอยไม่ไหว..

Impotent_Couple.jpeg

รับส่งเหรียญได้ทั่วโลกอย่างรวดเร็ว

โอน และซื้อ ขายคริปโตผ่านระบบอินเตอร์เน็ตได้โดยไม่ต้องมีธนาคารเป็นตัวกลาง ไม่ต้องรอเวลาทำการ 2 - 3 วัน และยังโอนให้ใครก็ได้บนโลกนี้ด้วยตัวคุณเอง

Coverage.jpeg

หลายคนคงได้ข้อสรุปแล้วว่าจะลงทุนกับคริปโตดีมั้ย หรือเก็บตังค์ไว้เปย์สาว ๆ ดีกว่า แต่อย่าลืมว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจ แต่ถ้าหากคุณลงทุนไปแล้วได้เงินก้อนโตยังไงก็มีสาว ๆ ไว้ให้เปย์แน่นอน เพราะฉะนั้น.. คิดให้ดี


Written by: Nat Saranya

T&T_Banner Ad-14.jpg

Comment

เตรียมให้พร้อมก่อนฉีดวัคซีน COVID19 รู้ยัง? ชายหญิงอาจมีผลต่างกัน

Comment

เตรียมให้พร้อมก่อนฉีดวัคซีน COVID19 รู้ยัง? ชายหญิงอาจมีผลต่างกัน

รู้หรือไม่ มีหลายปัจจัยมากกกกกกกกก..ที่ทำให้ผู้ชายกับผู้หญิงได้รับผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนโควิด 19 ต่างกัน หากคุณเป็นคนนึงที่กำลังแพลนว่าจะฉีด หรือฉีดไปแล้วและมีอาการต่าง ๆ มากมายจนอยากรู้ว่าเป็นเพราะอะไร วันนี้ Tough & Tumble จะมาเฉลย พร้อมไขข้อสงสัยให้ว่าทำไมร่างกายของผู้หญิงกับผู้ชายถึงมีผลข้างเคียงต่างกัน

ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายไม่เหมือนกัน

นักวิจัยออกมาบอกว่า ระบบภูมิคุ้มกันของผู้หญิงสร้าง Antibodi หรือสารภูมิต้านทานต่อการติดเชื้อได้มากกว่าผู้ชายเท่าตัว! เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นการฉีดวัคซีนโรคไข้เหลือง พิษสุนัขบ้า หรือโรคอะไรก็ตาม ผู้หญิงจะได้รับผลข้างเคียงมากกว่าผู้ชายเป็นปกติอยู่แล้ว นี่อาจเป็นเรื่องดี ที่ทำให้ผู้ชายหลาย ๆ คนกล้าไปฉีดวัคซีนมากขึ้น เพราะอย่างน้อยก็อาจจะไม่ได้รับผลข้างเคียงที่กำลังเป็นกระแสข่าวถาโถมอยู่ในตอนนี้ แต่อย่าลืมไปว่านั่นเป็นแค่ข้อสรุปจากงานวิจัยโดยคนส่วนใหญ่ในเมริกาเท่านั้น คุณต้องเอาข้อมูลนี้ไปชั่งใจดูอีกทีว่าจะตัดสินใจยังไง แต่การเห็นผลข้างเคียงก็ไม่ได้มีแค่ข้อเสียอย่างเดียวรู้ยัง เพราะมันทำให้เห็นอีกด้วยว่าวัคซีนที่ฉีดไปกำลังทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพและมีโอกาสได้ผลมากขึ้น นั่นเลยทำให้ใครหลาย ๆ คนอาจจะอยากเห็น Side Effects เบา ๆ อยู่บ้างก็ได้

6-facts-about-chest-pain.jpg

ฮอร์โมนก็มีส่วน

ฮอร์โมนเพศอย่างพวกเอสโตรเจน โปรเจสโตโรน(ฮอร์โมนเพศหญิง) และเทสโทสเตอร์โรน(ฮอร์โมนเพศชาย) มีผลกับวัคซีนหมดบอกเลย ยกตัวอย่างเช่น ฮอร์โมนเทสโทสเตอร์โรนในผู้ชายจะมีสารกดภูมิคุ้มกันอยู่ ทำให้วัคซีนได้ผลน้อยลงกับคนที่มีฮอร์โมนตัวนี้เยอะ และฮอร์โมนนี้ก็ยังไปยับยั้งการสร้างเคมีที่ช่วยเรื่องระบบภูมิคุ้มกันอีก นั่นเลยอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้ชายไม่ค่อยเกิดผลข้างเคียงเท่าไหร่หลังจากฉีด

Fotolia_150155835_vaccinL-620x413.jpg

โครโมโซมก็ยังเกี่ยว

ยีนที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันส่วนใหญ่จะอยู่บนโครโมโซมเอ็กซ์ และผู้หญิงมีโครโมโซมเอ็กซ์ 2 ตัวแต่ผู้ชายมีแค่ตัวเดียว เลยทำให้ผู้ชายได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีนน้อยกว่าเพราะมีตัวทำปฏิกิริยาน้อยกว่าผู้หญิง แต่นั่นก็หมายความว่าระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายก็จะต่ำกว่าด้วย ยังไม่หมดแค่นั้น 80% ของผู้หญิงจะสร้างภูมิคุ้มกันเองโดยอัตโนมัติเวลามีวัคซีนหรือสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในร่างกาย เลยยิ่งทำให้เห็นผลข้างเคียงชัดในทันที

young-indian-woman-caucasian-man-couple-thinking-looking-up-confused-about-idea_1187-16277.jpg

ปริมาณวัคซีนก็มีผล

ผู้ชายจะรับวัคซีนได้มากกว่า เพราะร่างกายของผู้ชายไม่ได้ดูดซึมและเผาผลาญยาต่าง ๆ มากเท่าผู้หญิง เลยทำให้เวลาที่ได้รับยาหรือวัคซีนอะไรเข้าไปจะไม่ได้มีเอฟเฟคที่ชัดเจนและรุนแรง แต่ก็มีวิจัยออกมาบอกว่า 16% ของผู้ชายที่ฉีด Pfizer หรือ BioNtech เข้าไปจะผลิตสเปิร์มได้น้อยลงชั่วคราว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังไงก็ดีกว่าการติดโควิดแน่นอน

20210105_Canva_Vaccine_COVID8-1024x576.png

รู้อย่างงี้แล้วก็เตรียมตัวให้พร้อมก่อนฉีดวัคซีน COVID 19 กันดีกว่าจะได้ไม่แพนิคจนเกินไป หวังว่าข้อมูลที่เราจัดมาให้ในวันนี้จะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะฉีดหรือไม่ฉีดดี เอาเป็นว่าไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็ขอให้ปลอดภัย ห่างไกลโควิดไปด้วยกัน ก่อนไปขอฝากคำคมไว้สั้น ๆ ว่า "อดีตเป็นไงไม่สำคัญ ปัจจุบันไม่ติด COVID ก็เป็นพอ" ฮ่า ๆ


Written by: Nat Saranya

Source: The New York Times , ASRM

T&T_Banner Ad77-11.jpg

Comment

คุณกำลังอยู่ในกลุ่มเสี่ยงรึเปล่า.. .เสี่ยงโดนเท?!

Comment

คุณกำลังอยู่ในกลุ่มเสี่ยงรึเปล่า.. .เสี่ยงโดนเท?!

เคยเป็นมั้ย อยู่ดี ๆ ก็โดนเทแบบไม่รู้ตัว พอถามว่าทำไรผิดก็บอก "เปล่า...เราแค่เข้ากันไม่ได้" แต่รู้หรือไม่ จริง ๆ แล้วอาจมีเหตุผลอะไรมากกว่านั้น มาดูกันดีกว่าว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่ทำให้ผู้หญิงยี้ "ไม่อยากไปต่อ" ที่คุณอาจเคยทำแต่ไม่รู้ตัว

หลงเก่ง

หลงตัวเองนั่นแหละ การอวดนู่นอวดนี่ไม่ได้ทำให้ดูน่าดึงดูดมากขึ้นเลยสักนิด ไม่มีผู้หญิงไหนชอบผู้ชายขี้โม้ เวิ่นเว้ออยู่ตลอดเวลา ยุคนี้คนมีจริงเค้าไม่พูดเยอะ ปล่อยให้เห็นเองจะดีกว่าทำให้ดูน่าค้นหาและน่าประทับใจมากกว่าอีกด้วย เหมือนที่มีคนบอกไว้ว่า "Modest is hottest"

6A854C55E75A4D4CA9AD834802363973.jpeg

เด็กเลี้ยงแกะ

ชอบโกหก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ เพื่อความสบายใจหรือไม่อยากทะเลาะก็ไม่ควรทั้งนั้น มันทำให้ผู้หญิงรู้สึกว่าคุณไม่จริงใจ เชื่อไรไม่ได้ และถ้าเธอไม่มีความไว้ใจให้คุณแล้วล่ะก็ ความสัมพันธ์คงเป็นเรื่องที่ยากถ้าจะต้องมานั่งระแวงกัน คนส่วนใหญ่เลยเลือกที่จะจบมันดีกว่า

ออกสาว

ไม่มีใครชอบผู้ชายที่นิสัยผู้หญิ๊งผู้หญิง คิดมาก งอนหรือห้ามไปหมดทุกเรื่อง เพราะมันจะทำให้ผู้หญิงรู้สึกเอือมและอยากเท เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ชอบง้อ ชอบเป็นฝ่ายที่ถูกง้อมากกว่า ยิ่งถ้าเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ต้องมามีปัญหากันบ่อย ๆ คุณเตรียมใจไว้ได้เลย ไม่มีใครชอบ Toxic Relationship แน่นอน

istockphoto-638890574-612x612.jpeg

"อะไรก็ได้แล้วแต่"

ถ้าคุณชอบพูดว่า "อะไรก็ได้แล้วแต่" บ่อย ๆ นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้โดนเทก็ได้ นี่เป็นเรื่องที่ใครหลายคนมองข้าม และงงว่าทำไมถึงเป็นประเด็น? แต่รู้หรือไม่ว่าการบอกว่าอะไรก็ได้แล้วแต่บ่อย ๆ ทำให้คุณดูไม่มีความเป็นผู้นำ ซึ่งผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ชอบเพราะเธออยากเป็นผู้ตามบ้างมากกว่า อยากเห็นว่าคุณสามารถดูแลเธอได้

กลิ่นตุ ๆ

"เรื่องกลิ่นตัว" ไม่ว่าเพศไหนก็คงอี๋ถ้าคุณตัวเหม็น นอกจากจะไม่น่าดึงดูดและยังไม่มีใครอยากอยู่ใกล้อีกด้วย เพราะฉะนั้นอย่าปล่อยให้กลิ่นมาทำลายความสัมพันธ์ที่กำลังจะไปได้ดี หันมาดูแลตัวเองกันดีกว่า คนตัวหอมยังไงก็น่าอยู่ใกล้และยิ่งเป็นเรื่องกลิ่นผู้หญิงยิ่งให้ความสำคัญมาก ๆ บอกเลยว่าไม่ควรละเลย

istock-491786969.jpeg

ไลค์ไปทั่ว

การกดไลค์รูปผู้หญิงไปทั่วเป็นเรื่องที่ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบทำและคิดว่าไม่เห็นเป็นไร แต่รู้หรือไม่ว่าสำหรับผู้หญิงมันคือเรื่องใหญ่เรื่องนึงเลย ลองคิดว่าคุณกำลังพัฒนาความสัมพันธ์กับใครสักคนและเห็นว่าเค้าให้ความสนใจคนอื่นเต็มไปหมด คุณก็คงไม่ชอบใจเหมือนกัน เรื่องนี้มันก็ง่าย ๆ แค่นี้เลย ทำให้เธอรู้สึกว่าเป็นคนพิเศษเพียงคนเดียวสำหรับคุณจะดีกว่าถ้าคิดอยากจริงจัง

script-writing.jpeg

ผิดบท

หากคุณเล่นไม่รู้เวลารับรองว่าความสัมพันธ์ไม่ยืดแน่นอน ครั้งแรกเธอก็คงจะแค่โกรธ แต่คุณคงโดนหักคะแนนในใจไปแล้วเรียบร้อย และถ้าหากคุณยังคงทำตัวหรือพูดจาไม่รู้กาลเทศะต่อไปก็เตรียมตัวเตรียมใจโดนเทได้เลย

รู้แล้วก็จดจำและนำไปใช้ ถ้าไม่อยากโดนเทกลางอากาศจนงงอีกว่าทำไรผิดไปรึเปล่า ความสัมพันธ์เป็นเรื่องละเอียดอ่อนเพราะฉะนั้นคิดทุกครั้งก่อนทำไร เรื่องเล็กของคุณอาจเป็นเรื่องใหญ่ของเธอ หวังว่าโพสต์นี้จะช่วยให้ใครหลาย ๆ คนทำคะแนนจนเอาชนะใจใครสักคนที่กำลังคุยอยู่ได้ ลองเอาไปใช้กันดู รู้แบบนี้ก็เป็นต่อแล้ว


Written by: Nat Saranya


T&T_Banner Ad-02.jpg

Comment

อ่อนแอก็แพ้ไป.. ทำไมผู้ชาย ติดโควิดหนักกว่าผู้หญิง?!

Comment

อ่อนแอก็แพ้ไป.. ทำไมผู้ชาย ติดโควิดหนักกว่าผู้หญิง?!

รู้หรือไม่ จากการวิจัยทั่วโลกผู้ชายเสียชีวิตจากโควิดเยอะว่าผู้หญิงเกือบเท่าตัว!! เป็นข้อสรุปจากงานวิจัยของ Public Health เดือนเมษาปีก่อน บอกว่าผู้หญิงกับผู้ชายมีโอกาสติดเท่ากันแต่ผู้ชายจะอาการหนักกว่า สาเหตุมีตั้งแต่จากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายไปจนถึงการใช้ชีวิตแบบสุดเหวี่ยง หลาย ๆ ประเทศทั่วโลกตั้งแต่จีนจนถึงยุโรปก็รายงานว่าอัตราการตายของผู้ชายจากเชื้อโควิด 19 สูงกว่าผู้หญิงมากกว่าอย่างไม่น่าเชื่อ นี่อาจเป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่หลาย ๆ คนยังไม่รู้ เพราะงั้นเรามาดูเฉลยกันดีกว่าว่าเพราะอะไรทำไมผู้ชายถึงควรระวังตัวมากกว่าผู้หญิง...

เอนไซม์และระบบภูมิคุ้มกันต่างกัน

งานวิจัยบอกมาว่าผู้ชายมี Angiotensin-converting Enzyme 2 (ACE2) มากกว่าผู้หญิง ซึ่งเอนไซม์ตัวนี้เป็นตัวรับเชื้อโควิดเข้าสู่ร่างกายและทำให้เซลล์ต่าง ๆ อ่อนแอและติดเชื้อ ยิ่งมีมากก็ยิ่งติดง่าย ยิ่งอาการหนัก เพราะแบบนี้ผู้ชายเลยติดโควิดหนักกว่าผู้หญิงมาก แต่ไม่ใช่แค่นั้น เรื่องภูมิคุ้มกันก็มีผล ผู้หญิงจะมีโครโมโซมเอกซ์มากกว่าผู้ชายเลยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายแข็งแรงและตอบสนองต่อการติดเชื้อได้ดีกว่าทำให้อาการไม่รุนแรงเท่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส...อย่าพึ่งดีใจไป

_116084819_smallergettyimages-1204224469-1.jpeg

ผู้ชายเป็นเพศที่อ่อนแอกว่า

งงล่ะสิ…ว่าจะเป็นไปได้ไง เพราะผู้ชายถูกปลูกฝังมาตลอดชีวิตว่าตัวเองเป็นเพศที่แข็งแกร่งแต่พอเป็นเรื่องของระบบต่าง ๆ ในร่างกายแล้วล่ะก็…กลายเป็นว่าผู้หญิงเป็นเพศที่แข็งแรงกว่ามาก เรื่องนี้เป็นเพราะกิจกรรมและการใช้ชีวิตประจำวันต่าง ๆ เช่น ผู้ชายส่วนใหญ่จะเป็น "เหล่าสิงห์รมควัน" อัดควันเข้าไปทำร้ายปอดอยู่ตลอดเวลาเลยทำให้ปอดไม่แข็งแรง พอมีการติดเชื้อ อาการก็จะรุนแรงกว่าคนอื่น... และผู้ชายส่วนมากก็ชอบกิจกรรม Outdoor เลยทำให้ได้รับ Air Pollution เข้าปอดและระบบทางเดินหายใจเยอะเลยเสี่ยงที่จะติดเชื้อหนักกว่าผู้หญิง เพราะสภาพภายในร่างกายโดนทำร้ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นอกจากนั้น อัตราการตายของผู้ชายทั่วไปก็สูงกว่าผู้หญิงมาตลอด วัดจาก 9 ใน 10 สาเหตุการตายหลัก ๆ ในอเมริกา ยิ่งพอมีเรื่องโควิด 19 เข้ามา เลยยิ่งทำให้อัตราพุ่งแซงขึ้นไปอีก

dv3-pfou0aaftp-1518629622.jpeg

เต็มใจใช้ชีวิตเสี่ยง

จากการสำรวจของ Gallup ทำให้เห็นว่าผู้หญิงกังวลกับเรื่องโรคระบาดหนักกว่าผู้ชาย เพราะผู้ชายส่วนใหญ่จะค่อนข้างชิลและมีความดื้ออยู่ในตัว เลยไม่ค่อยสนเรื่องกฎการรักษาระยะห่างเท่าไหร่ มีการสำรวจมาว่าช่วงโควิดระบาดผู้ชายส่วนมากยังออกไปแฮงค์เอาท์กับกลุ่มเพื่อน ไปเล่นกีฬา ยังจับมือทักทายกันปกติในต่างประเทศ เป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่ถึงรู้แต่ก็ทำ เพราะรู้สึกว่าการดูแลหรือใส่ใจเรื่องสุขภาพไม่ใช่หน้าที่หลักของตัวเอง

9646d906f9453ad203d07a58fc98fc28.jpeg

ไม่รีบไปหาหมอ

มีการพิสูจน์มาแล้วว่าผู้ชายส่วนใหญ่รู้สึกว่าถ้าตัวเองไม่สบายนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องไปหาหมอก็ได้เดี๋ยวก็หาย กว่าจะมาตรวจเจออาการก็อาจจะเข้าขั้นรุนแรงแล้ว บางทีก็ทำให้การรักษามันดีเลย์ออกไปอีก และบางทีผู้ชายก็รู้สึกว่าการไปหาหมอกับเรื่องจุกจิกมันทำให้ตัวเองดูอ่อนแอ ไม่แข็งแรง เพราะถูกสอนมาให้เข้มแข็ง พึ่งพาตัวเองให้ได้ อย่าอ่อนแอกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เลยไม่ค่อยสนใจเวลาไม่สบายเท่าไหร่ไม่ใช่แค่ตอนมีโควิด เลยมีผลสำรวจจากอเมริกาบอกมาว่า "23 เปอร์เซ็นต์ของผู้ชายที่มาตรวจโควิดปรากฏว่าผลเป็นบวก เทียบกับผู้หญิงที่มีแค่ 16 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น มันทำให้เห็นว่าผู้ชายส่วนใหญ่จะไม่ยอมไปตรวจจนกว่าจะมีอาการที่ชัดเจนแบบสุด ๆ"

man-flu-84f2e15b5f39376d.jpeg

รู้อย่างงี้แล้วก็คงได้ข้อสรุปแล้วว่าจะทำตัวยังไงในสถานการณ์โควิดเบรคแตกตอนนี้ มีเพื่อนบอกเพื่อน มีพี่บอกพี่ บอกต่อ ๆ กันไปเลยดีกว่า ถึงไม่ใช่ผู้ชายก็ควรระวังไว้ด้วยเช่นกัน เพราะอย่าลืมว่าเพศไหนก็ติดเชื้อโคโรน่าไวรัสได้ถ้าไม่รู้จักป้องกันและดูแลตัวเองให้ดี อย่าลืมล้างมือกันบ่อย ๆ ด้วยเจลอาบน้ำเพื่อความสะอาด STAY SAFE, STAY AWAY FROM COVID 19!!


Written by: Nat Saranya
Source: Healthline

T&T_Banner Ad-14.jpg

Comment

หยุด Asian Hate ยังไงให้หมดไปจากโลก

Comment

หยุด Asian Hate ยังไงให้หมดไปจากโลก

สีผิว รูปร่าง หน้าตา เชื้อชาติ ทำให้คนแตกต่างกันจริงหรอ? การที่คนแข็งแรงกว่าทำร้ายคนอ่อนแอเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรอ? จากข่าวคุณวิชา รัตนภัคดี คนไทยที่โดนผลักจนล้มและเสียชีวิตในต่างแดน ทำให้เห็นว่าการเหยียดผิวในอเมริการุนแรงและถี่มากขึ้นเรื่อย ๆ อาจเป็นเพราะความคิดที่ว่าคนเอเชียคือตัวแพร่เชื้อไวรัสก็ได้ ที่เป็นตัวกระตุ้นความเกลียดให้ทวีความรุนแรงขึ้นขนาดนี้ แต่จริง ๆ แล้วการเหยียดผิวนั้นควรจะหยุดไปได้ตั้งนานแล้ว เพราะทุกคนเกิดมามีความเท่าเทียมกัน ไม่ควรมีใครถูก Treat แย่กว่าคนอื่น ไม่ควรมีการแบ่งแยกกันเกิดขึ้น วันนี้ Tough & Tumble เลยจะมาบอกวิธีหยุด Asian Hate แบบที่ Gentlemen ทำกัน!

ให้เกียรติทุกคนอย่างเท่าเทียม

รู้จักให้เกียรติคนอื่น...ไม่ใช่แค่ผู้หญิงแต่ให้เกียรติทุกคนรอบตัว ไม่ว่าเชื้อชาติไหนก็ไม่ควรสองมาตรฐาน เพราะนั่นคือเบสิคพื้นฐานที่ผู้ชายทุกคนควรทำ การปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียม หากทุกคนบนโลกนี้รู้จักให้เกียรติกันและกัน รับรองว่าการเหยียดผิวจะไม่มีทางเกิดขึ้นตั้งแต่แรก

210227180805-restricted-02-anti-asian-hate-rally-new-york-0227-super-tease.jpeg

การอยู่เฉย ๆ = ร่วมบูลลี่

ให้ลองนึกว่าคนที่กำลังโดนเหยียดผิวคือตัวคุณเองหรือคนที่คุณรัก คุณก็คงอยากให้มีใครสักคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเริ่มที่ตัวคุณเอง… ออกมาปกป้อง ถ่ายคลิป แจ้งตำรวจหรือทำอะไรสักอย่างถ้าเห็นการเหยียดผิวเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเหยียดด้วยคำพูดหรือด้วยการกระทำ คุณก็ไม่ควรนิ่งเฉย! เพราะการนิ่งเท่ากับว่าคุณเห็นด้วยและยอมรับกับการบูลลี่คนอื่นในสังคม การเหยียดผิวจะไม่มีทางหมดไปถ้าวันนี้คุณยังไม่เริ่มทำอะไรสักอย่างเพื่อหยุดมัน

เปิดใจยอมรับความต่างแบบไม่อคติ

เปิดใจเรียนรู้ว่าแต่ละเชื้อชาติมีวัฒนธรรม การพูดจา การวางตัวที่ต่างกัน เรียนรู้ที่จะเข้าใจความต่างนั้นโดยไม่เอาความคิดหรือวัฒนธรรมตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่ตัดสินคนอื่นจากมุมมองของตัวเองเพราะบางครั้งคุณอาจจะเป็นคนแปลกในสายตาคนอื่นก็ได้ อย่างที่ฟาร์เรลล์ วิลเลียมส์ออกมาบอกว่า “การเหยียดคนอื่นมันเรื่องที่สิ้นคิดมาก”

164531372_861888261328108_6603246626135981151_n.jpg
pharrell-williams-walk-of-fame-01.jpeg

ระวังคำพูด

คำพูดมีผลต่อความรู้สึกอย่างมาก บางคำคุณอาจพูดโดยไม่คิดอะไร แต่คนฟังอาจจะไม่ได้รู้สึกแบบนั้น ระวังคำพูดของตัวเองกับคนรอบข้างให้มาก ๆ เพราะสิ่งที่คุณพูดอาจเป็นการเหยียดคนอื่นแบบไม่รู้ตัวและมันอาจจะติดอยู่ในใจเค้าไปตลอดก็ได้ เลยมีคำพูดที่ว่า “คุณควรรู้จักคิดก่อนพูดเพราะคุณไม่สามารถแก้ไขอะไรที่ออกจากปากไปแล้ว ทำได้มากสุดก็แค่ขอโทษแต่ไม่สามารถเอาความรู้สึกไม่ดีที่เสียไปกลับมาได้” เช่น คุณอาจจะร้องเพลงแรพด้วย n* word แบบไม่ได้คิดอะไร แต่ถ้าคนผิวสีได้ยิน รับรองว่าไม่ขำแน่นอน เพราะมันถือเป็นคำที่หยาบคายและเหยียดผิวมากในต่างประเทศ

ให้กำลังใจ ปลอบใจคนอื่น

การให้กำลังใจแม้เพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือการรับฟังปัญหาที่คนอื่นเจอมาก็ถือเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถทำให้กันได้เพื่อเยียวยาความรู้สึกของคนอื่น ช่วยให้สังคมปัจจุบันน่าอยู่มากยิ่งขึ้นในยุคที่คนส่วนใหญ่สาดคำพูดแย่ ๆ ใส่กันบนโลกออนไลน์โดยไม่สนใจความรู้สึกของคนโดนเลยด้วยซ้ำ

e4792975d3bcf9e3792859f5eb6fc38bd5-stop-asian-hate-bw.rvertical.w1200.jpg

ไม่ใช้กำลัง

ไม่ควรใช้กำลังกับใคร ไม่ว่าเรื่องไรก็ตาม โดยเฉพาะกับคนที่อ่อนแอกว่า เค้าไม่สู้ไม่ได้แปลว่าเค้าสู้ไม่ได้ เพราะคนเอเชียส่วนใหญ่ไม่อยากมีปัญหา เลยเลือกที่จะไม่สู้คนดีกว่า แต่ไม่ใช่ชนชาติอ่อนแออย่างที่ทุกคนคิด แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคนชาติอื่นจะไปรังแกพวกเค้าได้ เพราะถ้าหากเค้าฮึตสู้ขึ้นมาจริง ๆ คุณก็อาจจะเจ็บหนักเหมือนกัน การรังแกคนอื่นก็ไม่ได้โชว์ว่าคุณแข็งแรงเลยด้วยซ้ำแต่มันทำให้เห็นว่าคุณอ่อนแอเกินกว่าจะใช้กำลังในทางที่ถูกได้ เพราะลูกผู้ชายตัวจริงเค้าไม่ทำร้ายคนอื่นกัน เหมือนที่เลอบรอน เจมส์ บอกไว้ว่า “การทำร้ายคนไม่มีทางสู้ มันคือการกระทำของพวกขี้ขลาดตาขาว”

164267791_362172248270502_438664357139971708_n.jpg

มีคนอีกมากมายจากทั่วทุกมุมโลกที่กำลังโดนบูลลี่ เหยียดสีผิวอยู่ในชีวิตประจำ เพราะฉะนั้นหยุดทำให้มันเป็นเรื่องปกติ! ไม่ว่าคนเราจะเกิดมาจากประเทศไหน ชนชาติใด ทุกคนมีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน คนเอเชียนไม่ใช่ตัวแพร่เชื้อไวรัส การเหยียดสีผิวต่างหากที่เป็นไวรัส! ไม่มีใครสมควรถูกตราหน้าและทำร้ายจากความคิดตื้น ๆ ของใครบางคน การไม่บูลลี่หรือเหยียดคนอื่นไม่ว่าจะเป็นสีผิว รูปร่าง หน้าตา หรือเชื้อชาติคือสิ่งที่สุภาพบุรุษทุกคนควรทำ การไม่รังแกคนที่อ่อนแอกว่ามันยิ่งทำให้เราดูแข็งแกร่ง มากกว่าการมีกล้ามหรือมีร่างกายที่แข็งแรงซะอีก THE ASIAN HATE MUST STOP


Written by: Nat Saranya


T&T_Banner Ad-04.jpg

Comment